ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีกำลังจะกลับมาเยือนประเทศญี่ปุ่นในอีกไม่ช้า ทิวทัศน์สีเขียวสดใสประจำฤดูร้อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงแห่งฤดูใบไม้ร่วง ประเทศญี่ปุ่นมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่รอเราไปสัมผัสกับประวัติศาสตร์และธรรมชาติสวยๆ และในครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปท่องในดินแดนของภูมิภาคโทโฮคุ พร้อมกับแนะนำจุดชมใบไม้เปลี่ยนสี 6 แห่งที่ทุกคนสามารถเดินทางไปได้ง่ายๆ ในราคาสุดคุ้มกับ JR EAST PASS
【วันที่ 1】
ที่เที่ยวแรกที่เราจะไปคืออ่าวมัตสึชิมะ จังหวัดมิยางิค่ะ จากสถานีโตเกียวให้นั่งรถไฟโทโฮคุชินคันเซ็นฮายาบุสะ (Hayabusa Tohoku Shinkansen) มาลงที่สถานีเซนได (1 ชั่วโมง 30 นาที) จากนั้นนั่งรถไฟสายเซนเซกิ (Senseki Line) จากสถานีเซนไดมาลงที่สถานีมัตสึชิมะไคกัน (Matsushima-Kaigan) (40 นาที) เดินมาอีก 5 นาทีจะมีร้านอาหารทะเลให้เราได้เลือกแวะ พอรับประทานหอยนางรมสูตรพิเศษของที่นี่แล้ว เราจะไปเที่ยวชมวัดโกะไดโดและวัดเอนสึอินกัน
วัดโกะไดโด (Godaido Temple) : ที่นี่เป็นจุดชมวิวอ่าวมัตสึชิมะและติดหนึ่งในสามทิวทัวน์ที่สวยงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งห้าที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า “โกะไดเมียวโอ” ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันสำคัญแห่งชาติ นับว่าเป็นสถานที่ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จำนวนมากด้วยทิวทัศน์สวยๆ และคุณค่าในทางประวัติศาสตร์เลยค่ะ
การเดินทาง: เดินจากสถานีมัตสึชิมะไคกันมา 7 นาที
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีแนะนำจุดที่ 1: วัดเอนสึอิน (EntsuinTemple)
วัดเอนสึอินเป็นวัดประจำตระกูลของดาเตะ มิตสึมุเนะ หลานชายของไดเมียวผู้มีชื่อเสียงจากยุคเซนโกคุ ดาเตะ มาซามุเนะ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงต้นไม้ในสวนหินของวัดจะเปลี่ยนเป็นสีสันสดใส ตอนกลางคืนมีงานประดับไฟ ให้บรรยากาศชวนฝันแตกต่างจากตอนกลางวันไปอีกแบบ
การเดินทาง: เดินมา 8 นาทีจากวัดโกะไดโด
【วันที่ 2】
เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการไปทานขนมไทยากิใกล้ๆ กับสถานีเซนได ไทยากิที่นี่ทำจาก “ซุนดะโมจิ” ของขึ้นชื่อประจำจังหวัดมิยางิ เมื่อกัดลงไปจะได้ความกรอบของแป้ง กลิ่นหอมๆ และรสชาติหวานละมุนที่อัดแน่นเต็มคำจากไส้โมจิกับถั่วแระบดผสมกัน เมื่อทานเสร็จเราจะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ถนนโจเซ็นจิค่ะ
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีแนะนำจุดที่ 2: ถนนโจเซ็นจิ
ถนนโจเซ็นจิในเมืองเซ็นได จังหวัดมิยางิ เป็นถนนสายหลักที่รายล้อมด้วยร้านค้ามากมาย มีจุดเด่นเป็นต้นเซลโควาญี่ปุ่นที่ทอดยาวออกไปถึง 700 เมตร นอกจากถ่ายรูปที่ถนนโจเซ็นจิแล้วเรายังสามารถเดินช็อปปิงยาวๆ ได้ที่ถนนคลิสโร้ด (Clis Road) และก่อนกลับเข้าโรงแรมสามารถซื้อของฝากชื่อดังของเซ็นไดได้ที่ S-PAL SENDAI ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่เชื่อมต่อกับสถานีเซ็นได
【วันที่ 3】
วันที่ 3 เราจะไปกันต่อที่จังหวัดอิวาเตะค่ะ จังหวัดอิวาเตะมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ อยู่หลายแห่ง โดยในครั้งนี้เราจะมาแนะนำจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ช่องเขาเกบิเค สถานที่ท่องเที่ยวที่เราสามารถเพลิดเพลินไปกับการล่องเรือแบบดั้งเดิมผ่านช่องเขาที่เปี่ยมไปด้วยธรรมชาติ และอีกจุดหนึ่งคือที่สวนซากปราสาทโมริโอกะ สถานที่ซึ่งมีซากปราสาทเก่าแก่และธรรมชาติอยู่ด้วยกันเป็นทัศนียภาพสวยๆ อย่างกลมกลืน
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีแนะนำจุดที่ 3 : ช่องเขาเกบิเค
ช่องเขาเกบิเคมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี และเป็นช่องเขาหินขนาดใหญ่ที่เราสามารถเพลิดเพลินไปกับเสน่ห์ของทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีและแม่น้ำได้ในคราวเดียว ขณะล่องเรือที่นี่ คนพายเรือจะร้องเพลงพื้นบ้านคลอไปตลอดทาง นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นแห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่นที่ใช้เรือถ่อด้วยไม้พายเพียงเล่มเดียวโดยไม่ใช้เครื่องยนต์
การเดินทาง: นั่งรถไฟโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) จากสถานีเซ็นไดมาลงที่สถานีอิชิโนะเซกิ (Ichinoseki) จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสายโอฟุนาโตะ (Ofunato Line) ที่สถานีอิชิโนะเซกิ (Ichinoseki) แล้วลงที่สถานีเกบิเค (Geibikei) เดินอีก 7 นาที
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีแนะนำจุดที่ 4 : สวนสาธารณะซากปราสาทโมริโอกะ
ล่องเรือเสร็จแล้วก็ไปกันต่อที่สวนสาธารณะซากปราสาทโมริโอกะ ปัจจุบันปราสาทโมริโอกะได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของประเทศ และติด 1 ใน 100 อันดับปราสาทชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น ที่นี่เหมาะเป็นสถานที่มาเดินเล่นเพลินๆ สีแดงของฤดูใบไม้ร่วงเมื่อตัดกับสีกำแพงหินเกิดเป็นทัศนียภาพที่น่าดูชมอย่างหนึ่งเลยค่ะ
การเดินทาง: จากสถานีอิชิโนะเซกิ (Ichinoseki) ให้ขึ้นรถไฟโทโฮคุชินคันเซ็นมาลงที่สถานีโมริโอกะ (Morioka) (ประมาณ 40 นาที) จากนั้นขึ้นรถบัสหมุนเวียนใจกลางเมืองโมริโอกะ “เดนเดนมุชิ (Den Den Mushi)” มาลงที่ป้ายสวนสาธารณะซากปราสาทโมริโอกะ (ประมาณ 6 นาที) แล้วเดินอีก 1 นาที
【วันที่ 4】
วันนี้เราจะไปสัมผัสกับเทศกาลเนบุตะอันโด่งดังที่ Nebuta Museum WA-RASSE ในจังหวัดอาโอโอโมริค่ะ
Nebuta Museum WA-RASSE: ที่นี่มีศิลปะโคมไฟที่นำไปใช้ในขบวนแห่จริงจัดแสดงอยู่ด้วย เพียงแค่มาที่นี่ทุกคนก็จะได้สนุกสนานไปกับบรรยากาศของความเป็นเทศกาลด้านในค่ะ
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟโทโฮคุ ชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) จากสถานีโมริโอกะ (Morioka) และลงที่สถานีชินอาโอโมริ (Shin-Aomori) (ประมาณ 1 ชั่วโมง) จากนั้นเปลี่ยนเป็นสายหลักโออุ (Ou Main Line) และลงที่สถานีอาโอโมริ (ประมาณ 6 นาที) เดินจากสถานีอาโอโมริ (ประมาณ 1 นาที)
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีแนะนำจุดที่ 5 : ปราสาทฮิโรซากิ
หลังจากดื่มด่ำกับการเรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์แล้ว มุ่งหน้าไปกันต่อที่ปราสาทฮิโรซากิซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นในแบบที่หาที่ไหนไม่ได้ ปราสาทเก่าแก่ที่โอบล้อมไปด้วยใบไม้สีแดงสลับส้ม พอได้ธารน้ำใสเล็กๆ มาเติมเต็มยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรอบสมบูรณ์แบบ และที่พลาดไม่ได้เลยคืองานประดับไฟในช่วงปลายเดือนตุลาคม ไฟสวยๆ ทำให้ทัศนียภาพตรงหน้าตระการตายิ่งกว่าเดิมอีกค่ะ
วิธีการเดินทาง : จากสถานีอาโอโมริ ให้ขึ้นรถไฟสายหลักโออุ (Ou Main Line) และลงที่สถานีฮิโรซากิ (Hirosaki) (ประมาณ 47 นาที) จากสถานีฮิโรซากิให้ขึ้นรถบัสท่องเที่ยวภายในเมืองฮิโรซากิ 100 เยน (Hirosaki City 100 yen Loop Bus, 弘前市内循環100円バス) แล้วลงที่ป้ายชิยาคุโชมาเอะ (Shiyakusho-Mae) (ประมาณ 15 นาที) แล้วเดิน (ประมาณ 4 นาที)
【วันที่ 5】
ปิดท้ายทริปด้วย ภูเขาฮักโกดะ จุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมในจังหวัดอาโอโมริ ก่อนเดินทางกลับโตเกียว
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีแนะนำจุดที่ 6 : ภูเขาฮักโกดะ
ภูเขาฮักโกดะเป็นกลุ่มภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดอาโอโมริ และเป็นหนึ่งใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ทิวทัศน์แบบพาโนรามา 360 องศาที่มองออกมาจากกระเช้าลอยฟ้าฮักโกดะจะสร้างความตระการตาในแบบที่หาที่ไหนไม่ได้ หากมาวันที่สภาพอากาศแจ่มใสเราจะสามารถมองได้ไกลไปจนถึงจังหวัดฮอกไกโดเลยค่ะ
การเดินทาง: จากสถานีอาโอโมริ ให้ขึ้นรถบัส JR สาย Towada Kita (Mizuumi) และลงที่สถานี Ropeway (ประมาณ 1 ชั่วโมง)
หลังจากชมวิวด้านบนเสร็จแล้วก็เดินทางกลับโตเกียว จากสถานีอาโอโมริ นั่งรถไฟสายหลักโออุ (Ou main Line) กลับไปที่สถานีชิน-อาโอโมริ (ประมาณ 5 นาที) จากนั้นนั่งรถไฟโทโฮคุชินคันเซ็นฮายาบุสะ (Tohoku Shinkansen Hayabusa) ไปยังสถานีโตเกียว (เร็วที่สุด 2 ชั่วโมง 58 นาที)
ในครั้งนี้ เราได้แนะนำเส้นทางการท่องเที่ยวฤดูใบไม้ร่วงในภูมิภาคโทโฮคุซึ่งจะพาทุกคนไปสัมผัสกับความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสี อาหารอร่อยๆ และวัฒนธรรมอันเก่าแก่ไปแล้ว
อย่าลืมมาเพลิดเพลินไปกับเส้นทางท่องเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงด้วย JR EAST PASS ซึ่งสะดวกและราคาไม่แพงสำหรับการท่องเที่ยวในพื้นที่โทโฮคุกันนะคะ
เที่ยวโทโฮคุสุดคุ้มกับ “JR EAST PASS (Tohoku area)”
ท่องเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุสุดคุ้มด้วย JR EAST PASS (โทโฮคุ) ค่าโดยสารสำหรับผู้ใหญ่ 30,000 เยน และเด็ก 15,000 เยน โดยสามารถใช้บริการจองที่นั่งทั้งชินคันเซ็นและรถไฟด่วนพิเศษอย่างไม่จำกัดรอบในระยะเวลา 5 วันที่กำหนด
คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียด: https://www.jreast.co.jp/multi/pass/eastpass_t.html
สะดวกยิ่งขึ้นด้วยระบบการจองใหม่ “JR-EAST Train Reservation”
ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2021 ระบบจองตั๋วออนไลน์ JR East ได้ถูกนำมาปรับปรุงใหม่อีกครั้ง ทำให้การซื้อตั๋วง่ายยิ่งขึ้นระบบนี้อำนวยความสะดวก ในส่วนของการซื้อตั๋ว และจองที่นั่งก่อนเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นได้
จากนั้นจึงค่อยมาออกตั๋วที่ตู้จำหน่ายก่อนขึ้นรถไฟการลงทะเบียน ไม่มีค่าใช้จ่ายและสามารถใช้ได้ตั้งแต่วันที่ลงทะเบียน สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับบริการจองโปรดศึกษาจากคู่มือผู้ใช้ User Guide ของ JR-EAST Train Reservation https://www.eki-net.com/top/tr/guide/service/