รถยนต์ไฮเปอร์ จีที พลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกของโลก เริ่มผลิตจำนวนมากแล้วในพื้นที่ที่จัดไว้พิเศษ ใจกลางศูนย์การออกแบบ วิศวกรรม และการพัฒนาของออโตโมบิลี ปินินฟารินา ในเมืองกัมเบียโน ประเทศอิตาลี
โซนแบตติสตา อเทลิเยร์ ได้รับการปรับปรุงอย่างพิถีพิถันเพื่อใช้รังสรรค์รถแบตติสตาด้วยมือ พร้อมห้องรับรองว่าที่เจ้าของรถสำหรับสั่งผลิตโดยเฉพาะ
รถแบตติสตาทุกคันผ่านการรังสรรค์ด้วยมือเป็นเวลารวมกันถึง 1,340 ชั่วโมง เพื่อให้เป็นไปตามความปรารถนาของลูกค้าแต่ละราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทีมนักออกแบบของออโตโมบิลี ปินินฟารินา
แบตติสตาให้แรงบิดกว่า 1,900 PS และ 2,340 Nm นับเป็นรถสปอร์ตสัญชาติอิตาลีที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยจะรับคำสั่งซื้อและสร้างเป็นจำนวนไม่เกิน 150 คันสำหรับลูกค้าทั่วโลก
เพอร์ สวานเทสซอน ซีอีโอของออโตโมบิลี ปินินฟารินา กล่าวว่า “รถยนต์ไฮเปอร์ จีที รุ่นแบตติสตา เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความฝัน ซึ่งเริ่มขึ้นจากความปรารถนาของไอคอนวงการออกแบบอย่างคุณแบตติสตา ปินิน ฟารินา ในการสร้างรถยนต์ที่มีความงดงามโดยมีเพียงชื่อปินินฟารินาปรากฏให้เห็น เราภูมิใจที่บรรลุเป้าหมายนี้ และการทำเช่นนี้ทำให้เราเป็นผู้นำสู่ยุคใหม่อันน่าตื่นเต้นของวงการรถหรู ซึ่งความบริสุทธิ์ในการออกแบบและจุดมุ่งหมายในการคิดค้นนวัตกรรมที่มีความยั่งยืน จะเข้ามาช่วยสร้างยานยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่มีความน่าทึ่งจากออโตโมบิลี ปินินฟารินา”
รถแบตติสตาจากการผลิตล็อตแรกที่โรงงานแห่งใหม่นี้ ได้ปรากฏตัวที่โมนาโกระหว่างให้ลูกค้าทดลองขับ
วิดีโอแนะนำโซนแบตติสตา อเทลิเยร์ ในเมืองกัมเบียโน ประเทศอิตาลี: youtu.be/PFkAfCSZ0kk
ลิงก์ดาวน์โหลดภาพและคลิป
แบตติสตา (Battista) รถยนต์ไฮเปอร์ จีที พลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกของโลก ได้เริ่มผลิตแล้วในโซนอเทลิเยร์ (Atelier) ที่จัดไว้พิเศษในเมืองกัมเบียโน ประเทศอิตาลี ความก้าวหน้าครั้งสำคัญนี้มีขึ้นที่แคว้นปีเยมอนเตของอิตาลี นับเป็นบทใหม่อันน่าตื่นเต้นในเรื่องราวการเติบโตของค่ายยานยนต์หรูน้องใหม่จากอิตาลีอย่างออโตโมบิลี ปินินฟารินา (Automobili Pininfarina)
ยานยนต์ระดับรางวัลอย่างแบตติสตานี้ กำลังถือกำเนิดขึ้นด้วยฝีมือของทีมช่างในโรงงานขนาด 2,300 ตารางเมตร โดยจะผลิตขึ้นไม่เกิน 150 คัน ซึ่งเจ้าของรถแบตติสตาจะได้รับบริการลูกค้าระดับเวิลด์คลาสผ่านพันธมิตรมากประสบการณ์ในแวดวงยานยนต์หรู 25 รายในเครือข่ายผู้ค้าปลีกทั่วโลกของออโตโมบิลี ปินินฟารินา เช่นเดียวกับทีมลูกค้าสัมพันธ์ของทางแบรนด์เอง
คุณเพอร์ สวานเทสซอน (Per Svantesson) ซีอีโอของออโตโมบิลี ปินินฟารินา กล่าวว่า “ผมมีความภาคภูมิใจในการเป็นผู้นำทีมที่มีส่วนทำให้ยานยนต์ระดับรางวัลอย่างแบตติสตาเข้าสู่ขั้นการผลิตจริง โดยนับตั้งแต่ที่ได้เปิดตัวออโตโมบิลี ปินินฟารินา ที่กรุงโรมเมื่อปี 2561 เราก็ได้พัฒนาทีมจนมีผู้เชี่ยวชาญรวมกันถึง 118 รายจาก 20 ประเทศทั่วโลก ครอบครัวที่หลากหลายนี้มีรากฐานมั่นคงทั้งในสำนักงานใหญ่ของเราในมิวนิกและบ้านเกิดของเราในอิตาลีตอนเหนือ ซึ่งทีมนักออกแบบ วิศวกร และผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนายานยนต์ มุ่งสร้างยานยนต์โลกอนาคตที่มีความล้ำหน้า”
” ครอบครัวที่ยิ่งใหญ่นี้ได้เอาชนะปัญหาท้าทายมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเพ่งความสนใจไปกับการสร้างความพึงพอใจให้เจ้าของรถแบตติสตา การส่งมอบรถแบตติสตาปีนี้นับเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในการออกแบบและเทคโนโลยียานยนต์ และผมมั่นใจว่า การได้เป็นเจ้าของรถแบตติสตาจะเป็นเรื่องที่มีความหมายและวิเศษมาก ๆ ”
งานประดิษฐ์ร่วมสมัย : สร้างแบตติสตา
สมาชิกรายหนึ่งในครอบครัวที่มีความหลากหลายของออโตโมบิลี ปินินฟารินา คืออันเดรีย โนเวลโล (Andrea Novello) ผู้อำนวยการฝ่ายการผลิต โดยปู่ของคุณโนเวลโลก็เคยทำงานในโรงงานแห่งเดียวกันนี้เมื่อหลายทศวรรษก่อนเช่นกัน แต่การเรียนรู้และเทคนิคของเขายังคงมีการนำมาใช้ในการรังสรรค์รถแบตติสตา
คุณอันเดรีย โนเวลโล กล่าวว่า “แบตติสตา อเทลิเยร์ นั้นน่าประทับใจมาก โอบล้อมด้วยประวัติศาสตร์และแรงบันดาลใจในโรงงานที่ได้ปรับปรุงใหม่เพื่อรองรับการประกอบรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่มีการสร้างขึ้นในอิตาลี เราผสานองค์ประกอบที่มีความล้ำหน้าทางเทคนิคมากที่สุด เข้ากับวัสดุ และการรับรองคุณภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าการเป็นเจ้าของรถแบตติสตานั้นน่าตื่นเต้นไม่แพ้กับประสบการณ์การขับขี่”
แบตติสตา อเทลิเยร์ ประกอบด้วยโซนการผลิตและรับรองคุณภาพรวมกัน 14 จุด โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้มากมาย เช่น ชุดริกแบบใหม่ที่สั่งทำพิเศษสำหรับการติดตั้งทั่วทั้งโรงงาน ไปจนถึงกระบวนการและเครื่องมือที่ใช้กันมานาน เช่น ไขควงลมที่นำมาใช้ใหม่เพื่อนำมาประกอบรถแบตติสตา ซึ่งกระบวนการสร้างทั้งหมดนี้เคารพกรรมวิธีผลิตตัวรถที่โรงงานแห่งนี้ดำเนินการมาอย่างยาวนาน
ตั้งแต่ต้นจนจบนั้น รถแบตติสตาแต่ละคันใช้เวลาประกอบ 10 สัปดาห์ ส่วนการวาดลวดลายด้วยมือในรถแบตติสตารุ่นพิเศษอย่างแบตติสตา อันนิเวอร์ซาริโอ (Battista Anniversario) จำเป็นต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นเป็น 18 สัปดาห์ รถแบตติสตาแค่ละคันใช้ช่าง 10 คนในการประกอบ และใช้เวลารวมกันกว่า 1,250 ชั่วโมง ขณะที่องค์ประกอบการออกแบบและพื้นผิวของรุ่นแบตติสตา อันนิเวอร์ซาริโอ ทำให้ใช้เวลารวมกันถึง 1,340 ชั่วโมง
โครงรถแบบ Rolling Chassis ของแบตติสตา ประกอบด้วยระบบส่งกำลังรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ทรงตัวที ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ และระบบไฟฟ้า 100% ได้เข้าสู่โซนแรกเพื่อนำไปประเมินเทียบกับมาตรฐานคุณภาพอันเข้มงวดของออโตโมบิลี ปินินฟารินา โดยมีการบันทึกสถานะในที่แห่งนี้ นี่เป็นประตูที่ควบคุมด้วยระบบอิเลคโทรนิกส์บานแรก ๆ ที่แบตติสตาต้องผ่านไปให้ได้เพื่อไปยังกัมเบียโน
รถแบตติสตาเริ่มเป็นรูปร่างเมื่อโครงของรถยนต์เชื่อมเข้ากับตัวถัง ซึ่งมีหลังคาแบบ ‘กอกเจีย’ (Goccia) โอบล้อมห้องโดยสารเอาไว้ ทำให้โครงสร้างของรถแบตติสตามีความแข็งแกร่งและเหนียวแน่น โดยติดตัวรถไว้บนชุดริกสั่งทำพิเศษอีกตัว กระบวนการที่ใช้เวลาสองวันนี้ทำหน้าที่วัดและบันทึกขนาดและพารามิเตอร์ทุกแง่มุมถึงขีดสุดตามขอบข่ายการวัดผลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการสร้างยานยนต์ที่มีความพิเศษมาตลอด 20 ปีในโรงงานแห่งนี้ จากนั้นจะนำตัวถังออกจากโครงรถ เพื่อเตรียมย้ายไปโซนทำสี
สำหรับการพ่นสีตามมาตรฐานนั้นใช้เวลา 3-4 สัปดาห์ โดยใช้สีสูตรใหม่ที่ให้ฟินิชแบบเมทัลลิกหลายเลเยอร์ โดยมีให้เลือกถึง 28 สีซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากใจกลางของออโตโมบิลี ปินินฟารินาอย่างแคว้นปีเยมอนเตของอิตาลี แผงแต่ละชิ้นจะติดเข้ากับชุดริกสั่งทำพิเศษอีกตัว เพื่อให้สีออกมาเหมือนกัน และในขณะที่กำลังทาสีภายนอกนั้น ก็มีการติดตั้งแดชบอร์ดและองค์ประกอบภายในด้วย
ส่วนในโซนที่ห้า 80% ของรถจะได้รับการประกอบโดยใช้เวลา 2 วัน โดยอุปกรณ์ยกตามหลักการยศาสตร์พร้อมจิ๊ก (Jig) ที่ทำพิเศษนี้ จะช่วยให้ช่างทั้งชายและหญิงประกอบรถยนต์ได้อย่างประณีตซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการประกอบส่วนต่าง ๆ เช่น ซุ้มล้อและบริเวณใต้พื้น ส่วนประตูแบบบัตเทอร์ฟลายดอร์ (butterfly door) ซึ่งมีความซับซ้อนในแง่การออกแบบและเป็นส่วนสำคัญในโครงสร้างของรถ ก็ติดตั้งในโซนนี้ด้วยเช่นกันเป็นเวลา 2 วัน โดยใช้อุปกรณ์ติดตั้งอีกตัวหนึ่งที่รับน้ำหนักประตูและเอียงในทิศทางต่าง ๆ ได้ เพื่อให้ติดตั้งได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ต่อมาจะเป็นส่วนของการตรวจสอบและดำเนินการในขั้นปลายรอบแรก โดยใช้ซอฟต์แวร์และเครื่องมือพิเศษเพื่อตรวจสอบว่ารถที่อยู่ในโหมดโรงงานนั้นเป็นไปตามมาตรฐาน จากนั้นจะเปลี่ยนไปโหมดลูกค้า เพื่อให้แน่ใจว่าฟังก์ชันการทำงานจริงจะทำงานได้ตามที่ควรจะเป็น ทั้งในเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่ ระบบสาระบันเทิง และ “ซัวโน ปูโร” (SUONO PURO) ซึ่งเป็นซาวด์คอนเซปต์อันเป็นเอกลักษณ์ของออโตโมบิลี ปินินฟารินา
สถานีงานจุดสุดท้ายในโรงงานแห่งนี้จะยกรถแบตติสตาขึ้นเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อตั้งศูนย์ล้อและเช็คกลไกบังคับเลี้ยว จากนั้นรถแบตติสตาแต่ละคันจะถูกตรวจสอบในพื้นที่ที่มีการบริหารจัดการน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำจะไม่เข้ารถไม่ว่าน้ำจะแรงเพียงใด ก่อนที่จะสรุปขั้นสุดท้ายและเช็คระบบบันทึกดิจิทัล
การตรวจสอบคุณภาพในขั้นปลายนั้นดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความมุ่งมั่นในเรื่องความสมบูรณ์แบบ ทั้งในการทดสอบการทำงาน การประเมินทางสุนทรียภาพในอุโมงค์แสง และการทดสอบบนท้องถนน โปรแกรมทดสอบรถยนต์ไฮเปอร์ จีที นี้ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษเพื่อประเมินรถแบตติสตาแต่ละคัน โดยคำนึงถึงพฤติกรรมของเจ้าของรถในการใช้รถตามถนนที่มีลักษณะและพื้นผิวต่างกัน รถแบตติสตาแต่ละคันได้รับการตรวจสอบรับรองอย่างละเอียดโดยผู้ทดสอบคนเดียวกัน ก่อนที่จะกลับไปยังกัมเบียโนซึ่งจะนำฟิล์มกันรอยออก ก่อนที่จะตรวจสอบความสวยงามครั้งสุดท้ายเพื่อพร้อมส่งมอบให้ลูกค้า
เปาโล เดลลาชา (Paolo Dellacha) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์และวิศวกรรมของออโตโมบิลี ปินินฟารินา กล่าวว่า “เป้าหมายของเราในการสร้างรถแบตติสตา คือเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับกรันตูริสโมในรูปแบบใหม่ที่น่าดึงดูดใจ โดยนำขุมพลังจากระบบไฟฟ้าที่ไม่เคยมีมาก่อนมาใช้ประโยชน์ และเติมเต็มผลงานสุดประณีตของทีมดีไซน์ในรูปแบบและรายละเอียดที่ปรากฏให้เห็นบนรถยนต์ไฮเปอร์ จีที ตัวนี้”
” เราให้ความสำคัญกับคุณภาพในทุกสิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะในเรื่ององค์ประกอบทางเทคนิคระดับเวิลด์คลาส ไปจนถึงความมุ่งมั่นในการทดสอบตลอดโปรแกรมพัฒนาของแบตติสตา เพราะเราต้องการให้ลูกค้าของเราเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ในการขับขี่รถคันแรกจากทีมงานออโตโมบิลี ปินินฟารินา ”
ตอบโจทย์ลูกค้าทุกคนได้อย่าง ตรงจุด
เมื่อได้มาเยือนแบตติสตา อเทลิเยร์ เจ้าของรถจะมีโอกาสพบปะกับทีมงานเบื้องหลังการสร้างรถยนต์รุ่นนี้ และทำงานร่วมกันเพื่อปรับการออกแบบรถ และดูรถขณะกำลังสร้าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์การสั่งผลิตและเป็นเจ้าของอย่างที่หาจากที่ไหนไม่ได้
ลูกค้าจะได้รับคำปรึกษาอย่างเจาะลึกเพื่อปรับแต่งรถแบตติสตาของตน จากนั้นก็จะนำไปสร้างข้อเสนอการออกแบบตามสั่งให้ลูกค้าแต่ละท่าน ก่อนที่ลูกค้าจะได้รับเชิญให้มาที่กัมเบียโน เพื่อทำงานร่วมกับนักออกแบบเพื่อปรับสเป็คขั้นสุดท้าย
เดฟ อมันที (Dave Amantea) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการออกแบบของออโตโมบิลี ปินินฟารินา เป็นผู้ที่จะพูดคุยกับลูกค้าแต่ละท่านเพื่อปรับแต่งรถให้ตรงกับความต้องการ โดยคุณอมันที กล่าวว่า “รถแบตติสตาแต่ละคันล้วนสั่งทำพิเศษ โดยในฐานะนักออกแบบที่มีความหลงใหล เรายินดีแบ่งปันความเชี่ยวชาญและข้อมูลเชิงลึกกับลูกค้าของเรา พร้อมเผยปรัชญาการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของเราอย่าง PURA และร่วมมือกับลูกค้าเพื่อสร้างรถแบตติสตาที่ตรงใจลูกค้าและเป็นไปตามสเป็คที่วาดฝันเอาไว้”
” สิ่งนี้เป็นประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวมาก ๆ เราจึงจำเป็นต้องมอบแรงบันดาลใจและช่วงเวลาอันยากจะลืมเลือนให้ลูกค้า ในขณะที่ลูกค้าเลือกองค์ประกอบต่าง ๆ จากตัวเลือกที่มีแทบจะไร้ขีดจำกัด กระบวนการนี้รับประกันได้ว่ารถแบตติสตาแต่ละคันจะออกมาตรงใจเจ้าของอย่างแน่นอน ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นตัวตนของเจ้าของในทุกที่ที่ไป ”
นอกเหนือจากพื้นที่ประกอบรถแล้ว ก็มีพื้นที่รับรองลูกค้าที่ต้องการสั่งผลิต ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือกสีภายนอกและภายในรถ รวมถึงวัสดุต่าง ๆ ได้ ทั้งยังมีตัวอย่างวัสดุและสีให้ดู สัมผัส และรู้สึกด้วย สำหรับภายนอกตัวรถนั้น ลูกค้าก็เลือกองค์ประกอบอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ด้วย เช่น ชุดประดับภายนอกรถแบตติสตา (Battista Exterior Jewellery Pack) สีของคาลิเปอร์เบรก และฟินิชของล้อรถ เมื่อคำนวณรวมกันแล้วเท่ากับว่าลูกค้ามีตัวเลือกตกแต่งภายนอกรถรวมกันถึง 13.9 ล้านล้านล้านล้านล้านรายการ
สำหรับภายในรถนั้น มีตัวเลือกที่เป็นไปได้รวมกันถึง 128 ล้านตัวเลือก ทั้งสีและวัสดุ เช่น หนัง หนังกลับสังเคราะห์ และอลูมิเนียม ทั้งยังมีบริการสลักเพื่อให้ลูกค้าสร้างรถแบตติสตาได้อย่างที่ไม่มีใครเหมือน ความพิเศษเช่นนี้เข้ามายกระดับสถานะลงทุนของแบตติสตา โดยต่อยอดความเป็นมาอันยาวนานในเรื่องผลงานชิ้นเอกในแวดวงรถสะสมซึ่งมีชื่อปินินฟารินาปรากฏให้เห็น
ซารา กัมปาญอโล (Sara Campagnolo) ผู้อำนวยการฝ่ายสีและวัสดุ กล่าวว่า “แบตติสตาทำให้เรามีโอกาสยกระดับความเฉพาะตัวและหัตถศิลป์ไปสู่ภาคส่วนใหม่ การผสานรวมเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับประวัติการออกแบบอันรุ่มรวยของปินินฟารินาเป็นเรื่องพิเศษมาก ๆ โดยใช้วัสดุและกระบวนการที่ยั่งยืนที่เราจะนำไปใช้ต่อกับโปรเจกต์อื่น ๆ ในอนาคต”
ตลอดเส้นทางการออกแบบและสร้างรถนั้น ลูกค้าจะได้รับข่าวอัปเดตเกี่ยวกับสถานะของรถแบตติสตาที่สั่งไว้ ซึ่งทีมลูกค้าสัมพันธ์ของออโตโมบิลี ปินินฟารินา จะเป็นผู้แจ้งข่าวสารโดยตรง
ประสบการณ์การเป็นเจ้าของที่เหนือชั้น
ลูกค้าจะได้รับบริการจากออโตโมบิลี ปินินฟารินา ตลอดอายุการเป็นเจ้าของรถแบตติสตา โดยจะติดต่อดูแลหลังการขายผ่านช่องทางดิจิทัลแบบ 360 องศา ทั้งในเรื่องชิ้นส่วนและการรับประกัน การฝึกอบรม และการวินิจฉัยทางไกล ให้ลูกค้าอุ่นใจได้ผ่านพันธมิตรผู้ค้าปลีกของเราทั่วโลก ทั้งอเมริกาเหนือ ยุโรป ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และเอเชีย เพื่อคอยดูแลลูกค้าในทุกที่
สำหรับเรื่องที่ต้องอาศัยความรู้ทางเทคนิคนั้น ‘หมอบิน’ จะบินไปทุกที่ทั่วโลกเพื่อดูแลลูกค้าและรถแบตติสตา โดยทีมหมอบินที่มีความรอบรู้เรื่องรถแบตติสตานั้นได้เข้ามามีส่วนในการพัฒนารถแบตติสตามาตั้งแต่ต้น รวมถึงการพัฒนาคู่มือสำหรับเจ้าของรถแบตติสตา และคู่มือเวิร์กช็อปสำหรับพันธมิตรผู้จัดจำหน่าย
นอกจากนี้ ลูกค้ายังอุ่นใจได้ด้วยแพ็กเกจหลังการขายที่ครอบคลุมอย่าง Eccellenza, Futura และ Eterna
Eccellenza: โปรแกรมบำรุงรักษานาน 5 ปี หรือ 10 ปี เพื่อรับประกันความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของฟังก์ชันและส่วนประกอบทั้งหมดของรถตลอดอายุการเป็นเจ้าของ มอบสมรรถนะที่เหมาะสม พร้อมคุ้มครองการรับประกันและมูลค่าของรถ
Futura: การรับประกันแบตเตอรี่และระบบส่งกำลังให้กับรถแบตติสตาของออโตโมบิลี ปินินฟารินา เพิ่มการคุ้มครองไปอีก 7 ปี อุ่นใจไปอีกขั้นจากเดิมที่รับประกัน 3 ปีตามมาตรฐาน
Eterna: โซลูชันพร้อมติดตั้งเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเป็นเจ้าของและมูลค่าระยะยาวของรถแบตติสตา โดยเปิดโอกาสให้สั่งชุดอะไหล่ตัวถังรถยนต์เมื่อปรับแต่งรถได้ ซึ่งสร้างและปรับให้เป็นไปตามโครงแบบมาตรฐาน และทำสีในเวลาที่ผลิต
รถแบตติสตาจะเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่ฤดูร้อนนี้ โดยรถยนต์ไฮเปอร์ จีที พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นนี้ จะส่งมอบในสไตล์ตัวถังแบบ “Pura” หรือไม่ก็การออกแบบตัวถังแบบ “Furiosa” และจะมีการสร้างรถแบตติสตารุ่นพิเศษอย่างแบตติสตา อันนิเวอร์ซาริโอ ขึ้นมา 5 คัน จากรถแบตติสตาที่จะผลิตขึ้นทั้งหมด 150 คัน ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษเพื่อฉลองความสำเร็จของไอคอนวงการออกแบบอย่างคุณแบตติสตา ปินิน ฟารินา ซึ่งรถรุ่นพิเศษทั้ง 5 คันนี้ได้ขายไปแล้ว
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
automobili-pininfarina.com/media-zone
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ
ออโตโมบิลี ปินินฟารินา แบตติสตา (ลิงก์ดาวน์โหลดเอกสารประกอบข่าว)
แบตติสตาจะเป็นรถที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยออกแบบและสร้างในอิตาลี โดยจะมอบสมรรถนะในระดับที่ยังไม่มีรถสปอร์ตแบบใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ได้รับอนุญาตให้วิ่งบนท้องถนนรุ่นใดทำได้ในปัจจุบัน รถแบตติสตาทำความเร็วได้เหนือกว่ารถแข่งฟอร์มูลา วัน จากการที่ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม.ได้ในเวลาไม่ถึง 2 วินาที ทั้งยังมีกำลัง 1,900 แรงม้า และแรงบิด 2,340 Nm รถแบตติสตาผสานวิศวกรรมและเทคโนโลยีขั้นสุดในรูปแบบที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ขณะที่แบตเตอรี่ขนาด 120 kWh ของรถแบตติสตา ให้พลังขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ซึ่งติดไว้หนึ่งตัวในล้อแต่ละจุด มีระยะวิ่งตามมาตรฐาน WLTP ได้ไกล 476 กิโลเมตร (296 ไมล์) และวิ่งตามมาตรฐาน US EPA ได้ไกล 300 ไมล์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทั้งนี้ รถแบตติสตาจะผลิตขึ้นไม่เกิน 150 คัน แต่ละคันจะผลิตด้วยมือที่โรงงานแบตติสตา อเทลิเยร์ ในเมืองกัมเบียโน ประเทศอิตาลี
เกี่ยวกับออโตโมบิลี ปินินฟารินา
ออโตโมบิลี ปินินฟารินา มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี โดยมีทีมงานซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารมากประสบการณ์ในแวดวงยานยนต์จากแบรนด์รถยนต์ระดับหรูหราและพรีเมียม รถยนต์ไฮเปอร์ จีที รุ่นแบตติสตา และรุ่นอื่น ๆ ทั้งหมดในอนาคต ซึ่งออกแบบ วางระบบ และผลิตด้วยมือในอิตาลี จะวางจำหน่ายในตลาดใหญ่ ๆ ทั่วโลกในแบรนด์ปินินฟารินา ทั้งนี้ บริษัทน้องใหม่แห่งนี้มีเป้าหมายเพื่อเป็นแบรนด์รถหรูอันเป็นที่ปรารถนาและยั่งยืนที่สุดในโลก
ออโตโมบิลี ปินินฟารินา มีบริษัทมาฮินดร้า แอนด์ มาฮินดร้า (Mahindra & Mahindra) ลงทุน 100%