พฤกษาเปิดโอกาสสตาร์ทอัพไทยเติบโต เชิญชวนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ไอเดียบรรเจิด เข้าร่วมโครงการ “Accelerate Impact with PRUKSA” เฟ้นหาธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เพื่อมอบเงินสนับสนุน และรับโอกาสต่อยอดธุรกิจ ร่วมเป็นพันธมิตรกับพฤกษา คิดค้นพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่ส่งเสริมให้ผู้คน สังคมและสิ่งแวดล้อมก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างยั่งยืน ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมและนำส่งแผนธุรกิจได้ที่ https//www.PRUKSAimpact.com/ ตั้งแต่ 25 ส.ค. – 30 ก.ย. 2565
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “หนึ่งในพันธกิจหลักของพฤกษา คือ ร่วมสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน และสร้างโอกาสที่ดีให้กับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม พฤกษาจึงต้องการสนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคมที่มีเป้าหมายและปณิธานแบบเดียวกัน มาร่วมสานฝัน นำนวัตกรรมเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ต่อสังคมให้เป็นรูปธรรมได้อย่างยั่งยืน
พฤกษาจึงได้ริเริ่มโครงการนำร่องบ่มเพาะสตาร์ทอัพ “Accelerate Impact with PRUKSA” ปีนี้เป็นปีแรก เพื่อเฟ้นหา และสนับสนุนบริษัทในประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่ต้องการความช่วยเหลือในการขยายกิจการให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อให้บริษัทที่เข้าโครงการได้บรรลุเป้าหมายสร้างผลกระทบเชิงบวกในการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมตามเป้าหมายขององค์กรได้อย่างแท้จริง”
สำหรับธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่เรามองหา ต้องมีเป้าหมายควบคู่กันทั้ง 2 ด้าน (double bottom lines) คือ (1) การสร้างกำไรจากการดำเนินธุรกิจ และ (2) การสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม เป็นกิจการที่มีพันธกิจมุ่งพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของกลุ่มคนหรือบุคคลที่ถูกลดความสำคัญ หรือไม่ได้รับการปฎิบัติอย่างเท่าเทียม ทั้งในด้านการแก้ไขปัญหาทักษะที่ไม่ตรงกับงาน ช่องว่างของรายได้ การพัฒนาทักษะเดิม (Upskill) เพิ่มเติมทักษะใหม่ (Reskill) รวมถึง นวัตกรรมโซลูชั่น การจ้างงาน หรือ โซลูชั่นเชิงรุกในด้านการดูแลผู้สูงวัย เพื่อช่วยให้ผู้สูงวัยมีจุดมุ่งหมายในชีวิตใหม่ได้ (Renewed Purpose in Life)
บริษัทที่เข้าร่วมโครงการจะต้องพร้อมขยายต่อยอดธุรกิจ เพื่อสร้างผลกระทบต่อสังคมได้มากขึ้น โดยใช้เงินทุนสนับสนุนที่ได้รับจากโครงการฯ จะสามารถเข้าถึงทรัพยากรภายในของพฤกษา ทั้งในแง่การเพิ่มทักษะ ขยายศักยภาพ เครือข่ายธุรกิจ ความสามารถด้านการพัฒนานวัตกรรม และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจเพื่อทำให้ธุรกิจปัจจุบันส่งผลเชิงบวกต่อสังคมได้มากขึ้นไปอีกขั้น จึงอยากขอเชิญชวนนักธุรกิจเพื่อสังคมที่มีลักษณะทางธุรกิจ ตามรายละเอียดด้านล่างเข้ามาร่วมโครงการ :
– จดทะเบียนเป็นบริษัทในไทย มีรูปแบบธุรกิจที่ดำเนินงานจริง มียอดขาย และรายได้ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน
– มีโซลูชั่นเชิงนวัตกรรมเพื่อจัดการแก้ปัญหาสังคม
– มีแผนธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพในการขยายธุรกิจและการดำเนินงาน เพื่อสร้างผลกระทบ และเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มต่าง ๆ เป็นต้น
– มีกรอบในการวัดผล และมีการติดตามตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น อัตราการเติบโตของธุรกิจ สถานะการเงิน การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและตัวชี้วัดผลกระทบ เป็นต้น
– มีความเป็นผู้นำสูง มีประสบการณ์ในทีม พร้อมด้วยความมุ่งมั่นที่ชัดเจนในการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนเพื่อสร้างผลกระทบ
บริษัทที่ได้รับคัดเลือกในโครงการ “Accelerate Impact with PRUKSA” จะได้รับเงินสนับสนุนขั้นต้นจากพฤกษาจำนวน 6 แสนบาท และยังมีโอกาสได้รับเงินทุนสนับสนุนเพิ่มเติม จาก “ทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์” ซึ่งเป็นกองทุนเงินส่วนตัวของ นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ที่สำคัญไปกว่านั้นบริษัทจะได้รับการพิจารณาคัดเลือกเพื่อรับเงินลงทุนจากพฤกษา ภายใต้ Corporate Venture Capital ( CVC) และได้รับความช่วยเหลือทางด้านทรัพยากรภายในจากพฤกษา เช่น มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาด้านการวางแผนธุรกิจ แนะนำด้านการวางกลยุทธ์ การขยายกิจการ การฝึกอบรมเพิ่มเติมความรู้ สร้างและขยายเครือข่ายธุรกิจในอุตสาหกรรม อีกด้วย
“เพราะเราไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการสร้างบ้าน แต่เรายังต้องการ “สร้างชีวิต” ที่อยู่ดี มีสุขเพื่อสังคมไทย โครงการ “Accelerate Impact with PRUKSA” จึงเป็นความตั้งใจที่พฤกษา มุ่งมั่น ใส่ใจ ทุ่มเท เพื่อสร้างโอกาส สร้างคุณค่า สร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้กับสังคม และชุมชนให้เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพความสุขที่แท้จริงของการใช้ชีวิตของคนไทยทุกคน” นายอุเทน กล่าว
สำหรับขั้นตอนการสมัครเข้าร่วมโครงการ และรายละเอียดเพิ่มเติม ผู้สนใจสามารถศึกษาได้ที่ https://www.PRUKSAimpact.com/ และสามารถสมัครร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. 2565 โดยมีกำหนดปิดรับสมัครในวันที่ 30 ก.ย. 2565