ซันเรท (SUNRATE) แพลตฟอร์มเทคโนโลยีดูแลการชำระเงินและการเงินระดับโลก ประกาศความร่วมมือกับผู้นำระดับโลกด้านการชำระเงินดิจิทัลอย่างวีซ่า (Visa) เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าของซันเรทรับส่งเงินได้โดยตรง ผ่านบัตรเดบิตและบัตรพรีเพดที่ร่วมโครงการของวีซ่า
นอกจากนี้ ซันเรทยังได้เปิดตัวบัตรเสมือนเพื่อผู้ประกอบธุรกิจของวีซ่าเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนสนับสนุนโซลูชันการเดินทางออนไลน์ หลังจากที่ซันเรทได้กลายเป็นสมาชิกหลักในเครือข่ายวีซ่าเมื่อปี 2564
ฉินเฉิง หวัง (Qincheng Wang) หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของซันเรท กล่าวว่า “ซันเรทเป็นบริษัทฟินเทคระดับโลก ซึ่งมีความมุ่งมั่นเหมือนกับวีซ่า ในการยกระดับการเคลื่อนไหวของเงินให้ทันสมัยกว่าเดิม โดยมุ่งทำให้ธุรกิจองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกชำระเงินข้ามพรมแดนได้อย่างปลอดภัย ตอบโจทย์ และโปร่งใส ความร่วมมือของเรากับวีซ่าทำให้การผนึกกำลังครั้งนี้แสดงให้เห็นข้อดีได้อย่างเด่นชัด ในการทำให้ความมุ่งมั่นที่เราทั้งสองมีร่วมกันมอบประโยชน์ให้ลูกค้าได้ทั่วโลก”
ดีปัน ดากูร์ (Deepan Dagur) หัวหน้าฝ่ายดูแลรายการเคลื่อนไหวเงินประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของวีซ่า กล่าวว่า “ความต้องการช่องทางชำระเงินข้ามพรมแดนที่รวดเร็วและเข้าถึงได้มากขึ้นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อธุรกิจองค์กรต่าง ๆ มองหาช่องทางที่ทำให้รับส่งเงินได้ดีกว่าเดิม การผนึกกำลังกับซันเรทจะทำให้วีซ่าปรับปรุงการชำระเงินข้ามพรมแดนให้เรียบง่ายขึ้นได้ โดยทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อหนึ่งเดียว เพื่อให้ลูกค้าโยกย้ายเงินได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ”
เกี่ยวกับซันเรท
ซันเรท (SUNRATE) เป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินและการบริหารเงินอัจฉริยะสำหรับธุรกิจทั่วโลก นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2559 เราได้รับการยอมรับในฐานะผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชัน และเราให้การสนับสนุนบริษัทในกว่า 150 ประเทศด้วยแพลตฟอร์มทันสมัยที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา เครือข่ายที่กว้างขวางทั่วโลก และ API ที่แข็งแกร่ง เพื่อขยายการเติบโตในระดับท้องถิ่นและระดับโลก
ซันเรทมีสำนักงานใหญ่ระดับโลกในสิงคโปร์ และสำนักงานสาขาในจีน อินโดนีเซีย และสหราชอาณาจักร บริษัทเป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก เช่น ซิตี้แบงก์ (Citibank), สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (Standard Chartered), บาร์เคลย์ส (Barclays) และธนาคารดีบีเอส (DBS Bank) ตลอดจนเป็นสมาชิกหลักของทั้งมาสเตอร์การ์ด (Mastercard) และวีซ่า (Visa) เราได้รับอนุญาตและกำกับดูแลโดยองค์การกำกับดูแลการเงินแห่งสหราชอาณาจักร ธนาคารกลางอินโดนีเซีย ศุลกากรฮ่องกง และธนาคารกลางสิงคโปร์