ผลสำรวจพบตัวเลขผู้ศัลยกรรมเสริมความงามลดลงเพราะโควิด-19

การปิดให้บริการเวชปฏิบัติอันเป็นผลจากโควิด-19 ส่งผลให้มีการศัลยกรรมลดลง 10.9%
สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgery หรือ ISAPS) เปิดเผยผลการสำรวจประจำปีในด้านศัลยกรรมตกแต่งและเวชศาสตร์ความงาม ซึ่งแสดงให้เห็นผลกระทบที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีต่อการทำศัลยกรรมความงามทั่วโลกตลอดทั้งปี 2563
ไฮไลท์น่าสนใจ
การผ่าตัดเสริมความงามปรับตัวลดลง 10.9% ในปี 2563 โดยศัลยแพทย์ 77.8% ทั่วโลกต้องปิดให้บริการเวชปฏิบัติชั่วคราวขณะโรคโควิด-19 แพร่ระบาด โดยการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัด (ส่วนใหญ่เป็นการฉีดฟิลเลอร์และกำจัดขน) ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็เพิ่มขึ้นน้อยกว่าหลายปีที่ผ่านมา (เพิ่มขึ้น 5.7% ในปี 2563 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 7.6% ในปี 2562) เมื่อคำนวณรวมกันแล้วเท่ากับว่ายอดการเสริมความงามทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัดปรับตัวลดลง 1.8%
ดร. Arturo Ramirez-Monta?ana ประธานคณะกรรมการจัดทำแบบสำรวจของ ISAPS กล่าวว่า “แนวโน้มขาลงนี้สอดคล้องกับผลการค้นพบในการสำรวจของเรา ซึ่งพบว่าผู้ป่วยมีความต้องการเสริมความงามลดลงเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยและฐานะทางการเงินในช่วงโควิด-19 ระบาด แต่ในขณะเดียวกัน แพทย์หลาย ๆ คนก็มีลูกค้ามากขึ้นเพราะตัวลูกค้ามีความยืดหยุ่นมากขึ้น มีโอกาสพักฟื้นตัวได้อย่างเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทั้งยังเป็นเพราะสิ่งที่เรียกว่า ‘ซูมเอฟเฟกต์’ ด้วย ซึ่งพบมากเป็นพิเศษในการดูแลปรนนิบัติผิวหน้า”
การเสริมความงาม
การผ่าตัดเสริมความงามที่พบมากที่สุดทั่วโลกยังคงเหมือนเดิมในปี 2563 โดยมีผู้เข้ารับการเสริมหน้าอกคิดเป็นสัดส่วน 16% ของการผ่าตัดทั้งหมด ส่วน 15.1% เป็นการดูดไขมัน, 12.1% เป็นการผ่าตัดเปลือกตา, 8.4% เป็นการผ่าตัดเสริมจมูก และ 7.6% เป็นการทำหน้าท้อง
สำหรับการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 5 อันดับแรกก็ยังคงเหมือนกับปีที่ผ่านมา ได้แก่ การฉีดโบท็อกซ์ (43.2% ของการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดทั้งหมด), กรดไฮยาลูโรนิก (28.1%), การกำจัดขน (12.8%), การลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด (3.9%) และเลเซอร์ฟื้นฟูสภาพผิว (3.6%) โดยการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดนั้นมีลูกค้าเป็นผู้หญิงประมาณ 85% จากทั้งหมด
แม้ตัวเลขการผ่าตัดเสริมความงามปรับตัวลดลง แต่การทำศัลยกรรมจมูกและผ่าตัดยกคิ้วยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การฟื้นฟูผิวหน้าแบบไม่ผ่าตัดปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.9% หลังจากที่ปรับตัวลดลงในปี 2562 และ 2561
ในภาพรวมนั้น การเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดปรับตัวเพิ่มขึ้น ยกเว้นการฉีดโบท็อกซ์ กรดไฮยาลูโรนิก และเลเซอร์ฟื้นฟูสภาพผิว (ลดลง 0.9%, 6.1% และ 11.3% ตามลำดับ)
ส่วนการผ่าตัดเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ผู้ชายยังคงเป็นการศัลยกรรมเปลือกตา การดูดไขมัน การผ่าตัดลดขนาดเต้านม ศัลยกรรมจมูก และผ่าตัดแก้หูกาง
เมื่อดูข้อมูลการเสริมความงามตามกลุ่มอายุแล้ว การเสริมจมูก (67.9%) ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในคนอายุ 19-34 ปี ขณะที่การฉีดโบท็อกซ์ได้รับความนิยมมากที่สุดในผู้ที่มีอายุ 35-50 ปี (50.2% ของทั้งหมด)
ในช่วงเวลาที่ทำแบบสำรวจนี้ มีศัลยแพทย์เพียง 45% ที่มีจำนวนลูกค้าดีดตัวขึ้นแตะระดับก่อนการแพร่ระบาด โดยดร. Ramirez-Monta?ana กล่าวว่า “แม้เราเผชิญกับการแพร่ระบาดอันโหดร้าย แต่ก็ดูเหมือนกับว่าศัลยแพทย์ความงามส่วนใหญ่กำลังกลับมาให้บริการเวชปฏิบัติใกล้เคียงกับระดับปกติ และผมมั่นใจว่าปี 2564 จะเป็นไปในทางที่ดี ทั้งสำหรับแวดวงศัลยกรรมเสริมความงาม และการเสริมความงามทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด”
สถิติประเทศต่าง ๆ
สหรัฐอเมริกามีการเสริมความงามเพิ่มขึ้นทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ครองตำแหน่งประเทศที่มีผู้เข้ารับการผ่าตัดมากที่สุดในโลก (14.7% ของทั้งหมด) และมีผู้เข้ารับการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดมากที่สุดในโลก (22.1% ของทั้งหมด) นำเหนือบราซิล
ประเทศที่มีการเสริมความงามมากที่สุด 10 อันดับแรกของปี 2563 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล เยอรมนี ญี่ปุ่น ตุรกี เม็กซิโก อาร์เจนตินา อิตาลี รัสเซีย และอินเดีย ตามด้วยสเปน กรีซ โคลอมเบีย และไทย
ประเทศที่มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติมากที่สุดในปี 2563 ได้แก่ เม็กซิโก (28.2%) ตุรกี (25.8%) และโคลอมเบีย (21.8%) ส่วนแชมป์เก่าอย่างไทยร่วงลงไปอยู่อันดับสี่ (20.9%)
การผ่าตัดยังคงดำเนินการในโรงพยาบาลเป็นหลัก (43.8% ทั่วโลก) ยกเว้นสหรัฐอเมริกาซึ่งมีการผ่าตัดในคลินิกเป็นสัดส่วน 45% และผ่าตัดในศูนย์ศัลยกรรมอิสระ 34.3%
ระเบียบวิธีการสำรวจ
ผู้ตอบแบบสำรวจได้ตอบแบบสอบถามที่เน้นถามเรื่องจำนวนการเสริมความงามทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัดในปี 2563 รวมถึงคำถามที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สถิติประชากรของศัลยแพทย์ และความแพร่หลายของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ โดยได้ส่งแบบสอบถามดังกล่าวถึงศัลยแพทย์ความงามประมาณ 25,000 รายในฐานข้อมูลของ ISAPS จนได้ข้อมูลจากศัลยแพทย์ความงามรวมกัน 1,081 ราย ผลลัพธ์ดังกล่าวได้รับการรวบรวม เรียบเรียง และวิเคราะห์โดย Industry Insights บริษัทวิจัยอิสระในเมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ ISAPS เป็นเพียงองค์กรเดียวที่รวบรวมข้อมูลด้านความงามดังกล่าวในระดับโลกเป็นประจำทุกปี สามารถรับชมสำเนาของผลการสำรวจฉบับเต็มได้ที่ https://www.isaps.org/medical-professionals/isaps-global-statistics/
โลโก้ – https://mma.prnewswire.com/media/1038963/ISAPS_Logo.jpg