“แฟลช เอ็กซ์เพรส” จับมือ กองบังคับการตำรวจทางหลวง เดินหน้าสานต่อ“โครงการเสริมสร้างวินัย ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน รุ่น2” ปูพรมจัดอบรมออนไลน์ 4 ภูมิภาคทั่วไทย พร้อมส่งพนักงานเข้าร่วมเป็นอาสาจราจรเครือข่ายภาคเอกชนบำเพ็ญประโยชน์เพื่อประชาชน ช่วยป้องกัน และลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
ภายหลังจากความสำเร็จของโครงการ “เสริมสร้างวินัย ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน”ภายใต้เครือข่ายภาคเอกชนร่วมใจป้องกันภัยทางถนน รุ่นที่ 1 เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมานั้น ด้วยความร่วมมือระหว่างบริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด ผู้ให้บริการขนส่งสัญชาติไทย และE commerce แบบครบวงจร ขนส่งเอกชนไทยรายแรกที่ก้าวสู่ยูนิคอร์นระดับสากล ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แฟลช เอ็กซ์เพรส ส่งความสุขทุกที่ทั่วไทยเชื่อมไทยสู่อาเซียน” และกองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้ริเริ่มโครงการดังกล่าวขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดอบรมด้านการส่งเสริมวินัยจราจร แก่พนักงาน และประชาชนทั่วไป โดยตระหนักถึงความรับผิดชอบที่ภาคเอกชนควรมีต่อสังคม เนื่องจากธุรกิจของแฟลช เอ็กซ์เพรส นั้นในทุกๆ วันพนักงานขนส่งพัสดุ(คูเรียร์)ของบริษัทฯจะต้องใช้รถบนท้องถนนเพื่อรับส่งพัสดุในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ
โดยในปี 2564 นี้ บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส ยังคงเดินหน้าสานต่อความสำเร็จของโครงการดังกล่าว ต่อเนื่องในรุ่นที่ 2 ประจำปี 2564 พร้อมส่งพนักงานเข้าเป็นตัวแทนฝึกอบรมโครงการ “สร้างเสริมเครือข่ายภาคประชาชน เพื่อเป็นแนวร่วมในการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนร่วมกับกองบังคับการตำรวจทางหลวง” หรือ อาสาจราจร ตามที่ทางกองบังคับการตำรวจทางหลวงจัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนที่มีจิตอาสาประสงค์ร่วมกันสร้างสรรค์ความดีเพื่อสังคม
นางจรัสพักตร์ การปลื้มจิตต์ พาร์ทเนอร์กลุ่มธุรกิจ แฟลช (แฟลช กรุ๊ป) กล่าวว่า บริษัทฯมีนโยบายในด้านการสร้างความร่วมมือ ส่งเสริม และร่วมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคม โดยมีการถ่ายทอดนโยบายดังกล่าวให้แก่พนักงานทุกคนอยู่เสมอ สำหรับโครงการ “เสริมสร้างวินัย ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน”ภายใต้เครือข่ายภาคเอกชนร่วมใจป้องกันภัยทางถนน ในรุ่น 1 ประจำปี 2563 ที่ผ่านมานั้นถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมีพนักงาน และประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงกับศูนย์กระจายสินค้าของแฟลช ได้เข้ารับการอบรมไปมากกว่า 500 คน รวม 4 ภูมิภาค ได้แก่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร, จังหวัดนครสวรรค์, จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดสุราษฏร์ธานี โดยเฉพาะตัวเลขการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจากการขับขี่ของพนักงานขนส่งพัสดุในครึ่งปีแรกของปี 2564 มีค่าเฉลี่ยการเกิดอุบัติเหตุไม่ถึง 1% จากจำนวนพนักงานขนส่งพัสดุทั้งหมดซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับปี 2563 เนื่องจากพนักงานเกิดความตระหนักในเรื่องการมีวินัยในการขับขี่รถบนท้องถนนมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงให้ความคำนึงด้านการใช้ถนนร่วมกับบุคคลอื่นๆ
โครงการดังกล่าวจึงนับได้ว่าสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการที่มุ่งมั่นให้ประโยชน์แก่สังคมไทยในภาพรวม สามารถบรรเทา และช่วยลดความสูญเสียทั้งต่อชีวิต และทรัพย์สินที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนน และยังจะเป็นการช่วยจุดประกายให้ทุกคนในสังคมหันมาสนใจและให้ความสำคัญกับการมีวินัยจราจร เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ทั้งนี้ในปี2564 ทางบริษัทฯยังได้สานต่อความร่วมมือกับทางตำรวจทางหลวงจัดอบรมโครงการต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยใช้รูปแบบการอบรมออนไลน์ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อCovid-19 ยิ่งไปกว่านั้น ในปีนี้ยังได้มีพนักงานส่วนหนึ่งของบริษัทฯ ยังได้สมัครเข้าร่วมโครงการ “อาสาจราจร” ของกองบังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุน และช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจในด้านการจราจรอย่างยั่งยืนต่อไป
พลตำรวจตรี เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวว่า ด้วยกองบังคับการตำรวจทางหลวง มีภารกิจหน้าที่ในการอำนวยการจราจร ดูแลความปลอดภัย และป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในเขตทางหลวงทั่วประเทศ เพื่อการดูแลพี่น้องประชาชนให้ทั่วถึงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะประสบผลสำเร็จได้นั้น จะต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคเอกชน แฟลช เอ็กซ์เพรส นับเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงที่ให้บริการด้านขนส่งโดยขับขี่รถบนถนนทางหลวงอยู่เสมอ โดยในปี 2563 ที่ผ่านมาทางตำรวจทางหลวง ได้ร่วมกับบริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส ริเริ่มโครงการ “เสริมสร้างวินัย ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” ซึ่งได้รับการสนับสนุน และตอบรับอยย่างดี ปีนี้ทางตำรวจทางหลวง จึงยังคงสานต่อความร่วมมือต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยใจความสำคัญจะมุ่งเน้นไปที่การอบรมให้ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปต้องตระหนักถึงความสำคัญในด้านวินัยจราจรการใช้รถร่วมกันบนท้องถนนเพื่อป้องกัน และลดการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
สำหรับโครงการอบรม “เสริมสร้างวินัย ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” รุ่นที่ 2 ประจำปี 2564 จะเริ่มเปิดอบรมในช่วงเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป โดยครอบคลุมทั้ง 4 ภูมิภาค คือ ภาคเหนือ, ภาคกลาง, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ในรูปแบบการจัดอบรมแบบออนไลน์ทั้งหมด