รายงานฉบับใหม่ของเสียวหมี่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนและนวัตกรรม

MAY PR 2025 04 28 175356

MAY PR 2025 04 28 175356

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 28 เมษายน 2568 — เสียวหมี่ คอร์เปอเรชัน (“เสียวหมี่” หรือ “กลุ่มธุรกิจ”) ได้เผยแพร่รายงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG: Environmental, Social, and Governance) ประจำปีครั้งที่ 7 ประจำปี 2567 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการรักษาความยั่งยืนที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีหลักพื้นฐาน รายงานดังกล่าวระบุถึงความเป็นผู้นำของเสียวหมี่ในด้านการเข้าถึงเทคโนโลยี การบรรเทาและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมไปถึงการรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่

ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีหลักพื้นฐาน

เสียวหมี่ได้เปิดตัวกลยุทธ์ใหม่เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีหลักพื้นฐานในการประชุมครั้งที่ 29 ของภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP29) ในเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยเสียวหมี่นั้นได้ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมและมีความเท่าเทียมทางเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมไปถึงกลยุทธ์ระบบนิเวศ “Human x Car x Home” เพื่อมอบวิถีชีวิตที่ยั่งยืนและชาญฉลาดให้กับผู้บริโภค

ในปี 2567 งบการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาประจำปีของเสียวหมี่นั้นมีมูลค่าสูงถึง 24.1 พันล้านหยวน และมีการยื่นสิทธิบัตรทั่วโลกมากกว่า 42,000 ฉบับ ยิ่งไปกว่านั้นทีมวิจัยและพัฒนาของบริษัทนั้นก็มีพนักงานมากกว่า 21,190 คนซึ่งคิดเป็นร้อยละ 48.5 ของพนักงานทั้งหมด ทั้งนี้ในช่วงห้าปีแรกระหว่างปี 2563 ถึง 2573 มีการคาดการณ์ว่าการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาโดยรวมของบริษัทจะมียอดเกิน 1 แสนล้านหยวน

โรงงานอัจฉริยะของเสียวหมี่และโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่เริ่มดำเนินการเมื่อปีที่แล้ว โดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตอุตสาหกรรมและ AI เพื่อให้เกิดการผลิตที่มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีความยั่งยืน

ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เสียวหมี่พัฒนาขึ้นเองเมื่อผสานเข้ากับเทคโนโลยีอื่นๆ จึงได้ทำให้ได้สายการผลิตที่มีความยืดหยุ่น โลจิสติกส์ที่เป็นอัตโนมัติ และการควบคุมอัตโนมัติของอุปกรณ์คลาวด์เอดจ์ที่ทำได้จากโรงงานอัจฉริยะของเสียวหมี่ จึงทำให้โรงงานมีอัตราการทำงานอัตโนมัติในสายการผลิตถึง 81 เปอร์เซ็นต์ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก

การเข้าถึงเทคโนโลยี

เสียวหมี่มุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่เท่าเทียมและครอบคลุมสำหรับผู้ใช้ทุกคน รวมไปถึงผู้ที่มีความต้องการพิเศษ ในปี 2567 เสียวหมี่ยังคงมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงการสนับสนุนการเข้าถึงที่ครอบคลุม โดยเน้นไปที่กลุ่มผู้ใช้พิเศษ เช่น ผู้ที่มีความบกพร่องทางสายตา ผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน และผู้พิการทางร่างกาย ซึ่งเสียวหมี่ได้ทำการเปิดใช้การแยกข้อความ คำบรรยายแบบเรียลไทม์ และการควบคุมตามท่าทางต่างๆ อีกด้วย

ยกตัวอย่างเช่น เสียวหมี่ได้ทำการปรับปรุงฟีเจอร์ TalkBack ซึ่งเป็นฟีเจอร์การช่วยเหลือด้วยเสียงที่ออกแบบมาเพื่อผู้พิการทางสายตาและมีปัญหาทางสายตาโดยเฉพาะ และได้รับการปรับปรุงการทำงานโดยใช้ประโยชน์จากความสามารถในด้านการจดจำอักขระด้วยการมองเห็น (OCR) ของระบบย่อย AI ในระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS จึงทำให้สามารถจดจำและบรรยายข้อความในภาพได้แบบเรียลไทม์และมอบประสบการณ์ “การอ่าน” ที่ราบรื่นให้กับผู้ใช้

ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดของ Xiaomi HyperOS ได้ผสานรวมฟังก์ชันคำบรรยายแบบเรียลไทม์ของผู้ช่วย AI Assistant เข้ากับฟังก์ชันการจดจำเสียง Xiaomi Sound Recognition ได้อย่างราบรื่นจึงได้ผลลัพธ์ที่ให้อัตราความแม่นยำในการถอดเสียงที่สูงถึง 93 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อผู้สูงอายุอีกด้วย ในปี 2567 เสียวหมี่ได้ร่วมมือกับสถาบันหลายแห่งเพื่อเปิดตัว การแสดงความใส่ใจต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้สูงอายุและส่งเสริมการปรับปรุงที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อพัฒนามาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ แอปพลิเคชัน และการออกแบบที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้สูงอายุ

การบรรเทาและปรับตัวต่อสภาพอากาศ

นอกจากการกำหนดเป้าหมายในการลดก๊าซเรือนกระจก (GHG) ในการดำเนินงานของเสียวหมี่เองแล้ว เสียวหมี่ยังได้กำหนดให้พันธมิตรในห่วงโซ่อุปทานของสมาร์ทโฟนให้กำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก (GHG) และแผนการใช้พลังงานหมุนเวียนอีกด้วย ภายในปี 2573 ซัพพลายเออร์ในธุรกิจสมาร์ทโฟนจะต้องลดการปล่อยคาร์บอนเฉลี่ยต่อปีไม่น้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ (โดยใช้ปี 2567 เป็นปีฐาน) และอัตราการใช้ไฟฟ้าหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ และภายในปี 2593 ซัพพลายเออร์ของธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่จะต้องใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์

MAY PR 2025 04 28 175356 2

เสียวหมี่ได้ทำการวัดปริมาณการปล่อยคาร์บอนตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ตัวแทน 18 รายการ (อุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต 13 รายการ อุปกรณ์สวมใส่ 1 รายการ และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะภายในบ้าน 4 รายการ) ในปี 2567 นอกจากนี้บริษัทยังได้ร่วมมือกับองค์กรการทำบัญชีและการรับรองก๊าซเรือนกระจก GHG อิสระเพื่อกำหนดกระบวนการประเมินปริมาณการปล่อยคาร์บอนสำหรับผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนอีกด้วย

มาตรการตอบสนองต่อสภาพอากาศได้ถูกนำไปปฏิบัติในทุกๆ ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินงานในสำนักงาน การผลิตและกระบวนการผลิต โลจิสติกส์และการขนส่ง การดำเนินงานในร้านค้า และห่วงโซ่อุปทาน เมื่อปีที่ผ่านมาธุรกิจของเสียวหมี่ ภายในขอบเขตของการดำเนินงานได้รับการรับรองด้านระบบการจัดการพลังงาน ISO 50001 และผ่านการตรวจสอบการเฝ้าระวังประจำปี

ยิ่งไปกว่านั้น เสียวหมี่ยังได้ส่งเสริมให้ใช้การขนส่งทางทะเลและทางรถไฟเป็นทางเลือกแทนการขนส่งทางอากาศ โดยในปี 2567 ความพยายามดังกล่าวได้ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนของกลุ่มได้ถึง 3,378 ตัน

การรีไซเคิลและการใช้ซ้ำ

เสียวหมี่ได้ดำเนินโครงการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกและได้นำแนวทางการรีไซเคิลแบบแบ่งระดับมาใช้ซึ่งรวมไปถึง การแลกเปลี่ยน การซ่อมแซม การแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์และชิ้นส่วนซ่อมแซม และการซื้อต้นแบบภายใน โดยเสียวหมี่วางแผนที่จะรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดกว่า 38,000 ตันในระยะเวลา 5 ปี (2565 ถึง 2569) และได้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้แล้วถึง 95.94 เปอร์เซ็นต์ ณ สิ้นปี 2567

ทั้งนี้มีจำนวนอุปกรณ์ที่ใช้แล้วมากกว่า 1.3 ล้านเครื่องที่ได้รับการรีไซเคิลในโครงการแลกเปลี่ยนของจีนแผ่นดินใหญ่ โครงการแลกเปลี่ยนได้รับการจัดตั้งขึ้นใน 9 ประเทศและภูมิภาค โดยมีการดำเนินการคำสั่งซื้อแลกเปลี่ยน 23,353 รายการ กลุ่มบริษัทได้ทำการขยายธุรกิจซ่อมแซมที่รวมไปถึงแล็ปท็อป โปรเจ็กเตอร์ และจอภาพ ซึ่งในปีที่แล้ว กลุ่มบริษัทได้ซ่อมแซมอุปกรณ์ไปมากกว่า 130,000 เครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.7 เปอร์เซ็นต์จากปี 2566

นอกจากนี้เสียวหมี่ยังได้ผสานวัสดุรีไซเคิลเข้ากับการออกแบบและการผลิตสมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยภายในบ้านะ ยกตัวอย่างเช่น ฝาหลังของ Xiaomi 14T นั้นประกอบไปด้วยวัสดุชีวภาพที่ได้จากกากมะนาว โดยโพลียูรีเทนครึ่งหนึ่งมาจากวัตถุดิบชีวภาพ และอลูมิเนียมรีไซเคิลได้ถูกนำมาผสมในโครงกลางแบบหล่อของ Xiaomi 14T รวมไปถึงอลูมิเนียม ทอง และทองแดงรีไซเคิลที่ถูกนำมาใช้ในการผลิตส่วนประกอบอะคูสติกต่างๆ

โรงงานอัจฉริยะของเสียวหมี่ได้จัดทำระบบการจัดการขยะฝังกลบเป็นศูนย์ ซึ่งผสานการรีไซเคิลและการกำจัดที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดการใช้ขยะฝังกลบ ในปี 2567 โรงงานแห่งนี้บรรลุอัตราการแยกขยะ (WDR) ได้ถึง 99.35 เปอร์เซ็นต์ และได้รับใบรับรองระบบการจัดการขยะฝังกลบเป็นศูนย์จาก TÜV Rheinland ด้วยคะแนนสูงสุดระดับโลกที่ 3 ดาว

เสียวหมี่ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมและความก้าวหน้าอันน่าตื่นตาตื่นใจ โดยจะดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าผ่านการแสวงหาการพัฒนาที่ยั่งยืน

ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงไฮไลท์ของรายงาน ESG ปี 2567 หากต้องการอ่านเวอร์ชันเต็ม โปรดคลิก ที่นี่

###

เกี่ยวกับเสียวหมี่

เสียวหมี่ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2010 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Main Board of the Hong Kong Stock Exchange ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2018 (1810.HK) เสียวหมี่เป็นบริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะที่มีสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อด้วยแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เป็นแกนหลัก

ด้วยวิสัยทัศน์ “การเป็นมิตรของผู้ใช้งานและบริษัทที่ทันสมัยที่สุดในใจผู้ใช้งานทุกคน” เสียวหมี่จึงมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะพัฒนานวัตกรรม ประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยม ตลอดจนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะไม่ลดละการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในราคาที่เป็นมิตร เพื่อให้ทุกคนบนโลกนี้สามารถเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้

เสียวหมี่คือหนึ่งในบริษัทสมาร์ทโฟนชั้นนำของโลก ในเดือนธันวาคม 2567 ยอดผู้ใช้บริการรายเดือน (MAU) ทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 702.3 ล้านรายรวมสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต นอกจากนี้เสียวหมี่ยังเป็นผู้นำด้านการก่อตั้งแพลทฟอร์ม AIoT (AI+IoT) ของโลกโดยมีสินค้าอัจฉริยะเชื่อมต่อกับแพลทฟอร์มกว่า 904.6 ล้านเครื่อง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 โดยยังไม่รวมสมาร์ทโฟน แล็ปท็อปและแท็บเล็ต ในเดือนตุลาคม 2566 เสียวหมี่ได้อัปเกรดกลยุทธ์เป็นระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human × Car × Home” ที่ผสานเอาอุปกรณ์ส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮม และรถยนต์เข้าไว้ด้วยกันไว้อย่างลงตัว เสียวหมี่ให้ความสำคัญกับมนุษย์อยู่เสมอ และมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ครอบคลุมและดียิ่งขึ้น ผลิตภัณฑ์ของเสียวหมี่มีวางจำหน่ายกว่า 100 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และในเดือนสิงหาคม 2567 เสียวหมี่ยังติดอันดับใน Fortune Global 500 นับเป็นการติดอันดับเป็นปีที่หกติดต่อกัน

เสียวหมี่เป็นส่วนหนึ่งของ Hang Seng Index, Hang Seng China Enterprises Index, Hang Seng TECH Index และ Hang Seng China 50 Index.

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเสียวหมี่ สามารถเข้าชมได้ที่ https://www.mi.com/global/discover/newsroom