พลตรี ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากการบินลาดตระเวนของเครื่องบินตรวจการ บ.ท.182 บริเวณ บริเวณโซนเหนือและโซนใต้ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะ อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.เชียงดาว อ.แม่วาง อ.สะเมิงและ อ.หางดง ที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าในช่วงนี้ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนและแล้ง ทำให้ตรวจพบจุดความร้อนหลายจุดโดยเฉพาะ อ.แม่แตง อ.แม่วาง ส่งผลให้เกิดปริมาณฝุ่นควันของจังหวัดเชียงใหม่เกินค่ามาตรฐานในบางพื้นที่ จึงได้สั่งการให้กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมอากาศยาน MI-17 2 ลำ , KA-32 1 ลำ พร้อมเครื่องบินกรมฝนหลวง ระดมกำลังเพื่อเข้าดับไฟ พร้อมกับชุดดับไฟของเหยี่ยวไฟและเสื้อไฟ ฯลฯ ทางภาคพื้นปฏิบัติการดับไฟให้หมดภายในวันนี้ เนื่องจากเกรงว่าปัญหาหมอกควันจะกระทบกับสุขภาพของประขาชน ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนในพื้นที่ต่างได้รับผลกระทบกับสถานการณ์โควิด – 19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอยู่แล้ว
ทั้งนี้จากรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ บ่ายวันนี้มีค่า PM 2.5 ระหว่าง 25 – 144 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ค่า PM 10 ระหว่าง 50 – 185 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ ค่าคุณภาพอากาศ AQI ระหว่าง 25 – 254 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ที่ ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย