ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มุ่งเสริมศักยภาพ เร่งทรานส์ฟอร์มช่างไฟสู่ดิจิทัล

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ในการบริหารจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชัน เดินหน้าสนับสนุนช่างไฟก้าวสู่ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ออกเครื่องมือครบทั้งแอปพลิเคชันช่างไฟชไนเดอร์ อีกทั้งจับมือภาครัฐยกระดับความรู้สู่ยุค 4.0 และเปิดคลาสเรียนต่อยอดอาชีพ พร้อมเป็นสื่อกลางระหว่างช่างไฟกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มุ่งมั่นสร้างศักยภาพให้ช่างไฟอย่างต่อเนื่อง ชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) ในฐานะแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ และโซลูชันครอบคลุมตั้งแต่ โรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม ดาต้าเซ็นเตอร์ อาคาร และบ้าน โดยนำเสนอนวัตกรรมทั้งด้านเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์รองรับการใช้งานตั้งแต่ ‘องค์กรขนาดใหญ่ระดับโลก จนถึงการใช้งานระดับบ้าน’ โดยผลิตภัณฑ์สำหรับบ้านของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ ตู้ไฟหรือตู้คอนซูมเมอร์ยูนิต อุปกรณ์สวิตช์ ปลั๊ก เบรกเกอร์ กันไฟดูด ชุดโฮมออโตเมชัน หรือโซลูชันสำหรับบ้านอัจฉริยะ และอื่นๆ นายกุศล กุศลส่ง รองประธานกลุ่มธุรกิจ Home and Distributions ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย เผยว่า “การทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล หรือการปฏิรูปสู่ดิจิทัลนั้น มีความจำเป็นอย่างมากทั้งสำหรับการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตทุกวันนี้ ซึ่ง ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เองในทั่วโลก […]

ชไนเดอร์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่! EasyPact EZS เบรกเกอร์น้องใหม่ ง่ายจนใครๆ ก็ยกนิ้วให้ ชูโรงง่ายๆ ด้วยแบบ 3 โพล 3 เฟรม 3 ขนาด 3 ความง่าย

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) เปิดตัว EasyPact EZS เบรกเกอร์ MCCB (Molded-Case Circuit Breaker) รุ่นใหม่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม ‘ชไนเดอร์ อีซี่’ ที่ราคาคุ้มค่า ปรับตั้งค่ามาจากโรงงานแบบสำเร็จรูป พร้อมใช้งานทันที ลดเวลาในการติดตั้งและการปรับตั้งค่า เหมาะสำหรับตู้ ตู้ควบคุมไฟฟ้าที่ติดตั้งในอาคาร สำนักงานขนาดเล็ก เช่น อพาร์ทเมนท์ อาคารพาณิชย์ โรงงานขนาดเล็ก เป็นต้น EasyPact EZS รุ่นใหม่มาพร้อม 3 ความง่าย ง่ายต่อการเลือกใช้ ไม่ต้องคิดเยอะ! ทุกรุ่นเป็นแบบ 3 โพล มี 3 เฟรม 3 ขนาด ได้แก่ ขนาดเล็ก 100A ทนกระแสลัดวงจร 25-50 kA ขนาดกลาง 160-250A ทนกระแสลัดวงจร 25/36 kA ขนาดใหญ่ 400-630A […]

นิยามใหม่ด้านประสิทธิภาพโรงงานอาหารและเครื่องดื่มในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4

โดย โซฟี บอร์เน รองประธานอาวุโส ฝ่ายธุรกิจโรงงานระบบดิจิทัล ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) เราจะรักษารากฐานด้านประสิทธิภาพและเพิ่มความสามารถด้านการติดตาม เสริมความยั่งยืน และความยืดหยุ่นเป็นสูตรสำเร็จได้อย่างไร ไม่ใช่เรื่องง่ายในการจะเป็นผู้ผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ด้านเวชภัณฑ์ที่ให้ทั้งผลกำไรและสามารถตอบโจทย์ด้านคุณภาพซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น อีกทั้งต้องสอดคล้องตามกฎระเบียบข้อบังคับ มีราคาที่เหมาะสมสำหรับตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงความต้องการอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้นับเป็นความท้าทายที่มากขึ้น เป้าหมายของเราคือการให้การสนับสนุนลูกค้าในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยการช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงาน พร้อมกับช่วยให้การดำเนินงานมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ด้วยการปฏิรูปสู่ดิจิทัลหรือดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการผลิตที่ไม่เคยมีความคล่องตัว ความคล่องตัวในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ คือนวัตกรรมถัดไปของภาคการผลิต ในช่วงที่มีการอ้างถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง นวัตกรรมด้านการผลิตครั้งยิ่งใหญ่ของเฮนรี่ ฟอร์ด ก็สามารถนำรถยนต์ไปสู่การใช้งานในวงกว้าง การหาวิธีผลิตรถยนต์ให้ได้ปริมาณมากในราคาที่ต่ำ ทำให้รถยนต์เปลี่ยนจากสิ่งที่คนรวยเท่านั้นถึงจะเป็นเจ้าของได้ กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถหาซื้อได้ เรื่องนี้มีการอ้างถึงอยู่บ่อยครั้งว่าเป็นการก้าวสู่สายการผลิตในรูปของ assembly line หรือการประกอบชิ้นส่วน ซึ่งใช้คนงานจำนวนน้อย นอกจากนี้ ยังเป็นการย่นระยะเวลาในการสร้างรถยนต์จาก 12 ชั่วโมง เหลือเพียงแค่ 2 ชั่วโมงครึ่ง การทำให้กระบวนการผลิตเรียบง่ายและลดจำนวนสายการผลิตให้เหลือเฉพาะที่จำเป็น ทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่ถูกผลิตออกมาแค่สีเดียว คือสีดำ เนื่องจากเป็นสีที่หาได้ในราคาถูกที่สุดและทนทานมากที่สุด อุตสาหกรรม 4.0 ช่วยสร้างศักยภาพการผลิตที่คล่องตัว หลักการด้านการผลิตโดยดั้งเดิมของฟอร์ด ยังคงเป็นพื้นฐานที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ความกดดันในการผลิตสินค้าที่ถูกต้องในราคาที่เหมาะสมมีมากขึ้นกว่าที่ผ่านมามาก นอกจากเรื่องนี้แล้ว […]

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ขานรับตลาดดิจิทัลโตรับเน็กซ์นอร์มอล พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ชูเทคโนโลยีล้ำหน้าแต่คุ้มค่าในการลงทุน

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในการจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชัน มุ่งมั่นช่วยองค์กรธุรกิจปรับสู่ระบบดิจิทัลและตอบโจทย์ความท้าทายในเรื่องความล่าช้า ความปลอดภัย ค่าใช้จ่าย การมอนิเตอร์และการควบคุมดูแล ด้วยเทคโนโลยีไอทีภายใต้โซลูชันดาต้าเซ็นเตอร์ และเอดจ์คอมพิวติ้ง เพื่อรองรับจำนวนข้อมูลที่เกิดขึ้นมหาศาลจากเซ็นเซอร์และผู้ใช้งานปลายทาง จากการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจสู่ดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่างๆ ศูนย์ข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญของการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล หากไม่มีศูนย์ข้อมูล คลาวด์ และโคโลเคชัน การทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล หรือการใช้งาน IoT ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย ยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตและการทำงาน โดยมีการพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น นับเป็นการเร่งสู่ยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็ว การใช้ดิจิทัลกลายเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน เช่นการทำงานอยู่กับบ้าน ประชุมทางไกลผ่านแอปพลิเคชันหรือแฟลตฟอร์มต่างๆ ทุกคนสามารถรีโมทควบคุมกระบวนการทำงานที่ไซต์งานจากที่บ้านผ่านอุปกรณ์ไอทีต่างๆ การช้อปปิ้งออนไลน์ การสั่งอาหารออนไลน์ ชมซีรี่ย์-ภาพยนตร์ออนไลน์ กิจกรรมเหล่านี้ล้วนมีขุมพลังที่ขับเคลื่อนอยู่ข้างหลังเพื่อให้เราสามารถทำกิจกรรมได้อย่างราบรื่น นั่นหมายถึงดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ ทุกวันนี้ สิ่งสำคัญที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลมหาศาลจากปลายทาง หรือจุดที่มีการเกิดขึ้นของข้อมูลมากที่สุด เพื่อลดความล่าช้า (latency) ที่เกิดขึ้นหากต้องอาศัยการประมวลผลข้อมูลจากดาต้าเซ็นเตอร์เพียงแห่งเดียว นั่นคือเอดจ์คอมพิวติ้ง ยิ่งการเกิดขึ้นของบริการ 5G ยิ่งช่วยเสริมศักยภาพและโอกาสให้กับหลายอุตสาหกรรมได้ใช้ประโยชน์จากระบบอัตโนมัติมากขึ้น จากระดับเอ็นเตอร์ไพรส์ สู่ระบบการขนส่ง และภาคอุตสาหกรรมการผลิต อย่างไรก็ตามด้วยความต้องการปริมาณงานที่สูงขึ้น และการเพิ่มขึ้นของข้อมูลที่รวดเร็ว ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจึงเริ่มปรับใช้ไอทีแบบกระจายศูนย์ที่มีไซต์งานเอดจ์คอมพิวติ้งหลากหลายไซต์ ซึ่งโดยปกติมักจะไม่ค่อยมีเจ้าหน้าที่ประจำไซต์ จึงมีความจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อป้องกันการเกิดดาวน์ไทม์ อย่างเช่น การเสริมการป้องกันด้วยระบบสำรองไฟฟ้าที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าระบบงานจะไม่ล้มเหลวเมื่อจำเป็นต้องใช้งาน IDC ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะมีข้อมูลถึง […]

What Decarbonization Means for Utility Goals and the Digital Grid

By Scott Koehler VP, Global Strategy, Innovation & Marketing – Digital Grid Solutions at Schneider Electric As electric utilities around the world rebalance their power generation portfolios in favor of renewable energy sources, the demands of a rapidly changing climate are requiring them to do much more. Beyond adding renewable generation or retiring carbon-polluting energy […]

ปลดล็อคการปฏิรูปสู่อุตสาหกรรม 4.0 สร้างศักยภาพด้วยเอดจ์คอมพิวติ้ง

โดย เปาโล โคลัมโบ ผู้อำนวยการแผนกพัฒนาการตลาด เพื่อผู้ประกอบการด้านการผลิตเครื่องจักรและผู้วางระบบ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) และ รัสส์ ซาเกิร์ต ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ด้านโซลูชัน IoT สำหรับเอดจ์ NetApp อุตสาหกรรม 4.0 คือการปฏิวัติครั้งถัดไปของภาคอุตสาหกรรมการผลิต ที่ให้คำมั่นสัญญาในการนำเสนอการบูรณาการอย่างแท้จริงระหว่างเทคโนโลยีสารสนเทศหรือ IT และเทคโนโลยีการดำเนินงานหรือ OT เพื่อมอบศักยภาพที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานมากมายได้อย่างน่าทึ่ง อีกทั้งช่วยลดต้นทุน อย่างไรก็ตาม การจะบรรลุเรื่องดังกล่าว บริษัทจะต้องคิดทบทวนว่าได้ข้อมูลมาจากไหน อย่างไร รวมถึงมีกระบวนการดำเนินงานและการจัดเก็บที่ไหนอย่างไร ซึ่งเอดจ์คอมพิวติ้งสำหรับอุตสาหกรรมจะมีบทบาทสำคัญที่ช่วยในเรื่องดังกล่าว สำหรับอุตสาหกรรม 3.0 ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบออโตเมชัน การเชื่อมต่ออุปกรณ์ และการกำหนดถึงสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานด้วยเครื่องมือสำคัญด้านธุรกิจ ส่วนอุตสาหกรรม 4.0 ก็จะเกี่ยวข้องกับการนำรูปแบบการประมวลผลขั้นสูงมาใช้เพื่อให้มีข้อมูลช่วยสนับสนุนการตัดสินใจได้มากขึ้น บางมุมจะอยู่ที่ความเข้าใจพฤติกรรมและลักษณะการทำงานของเครื่องจักรแต่ละเครื่อง แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ความเข้าใจเรื่องการทำงานพึ่งพากันในส่วนต่างๆ ทั้งสาเหตุและผลกระทบ ของสายการผลิตที่ซับซ้อนทั้งหมด รวมถึงการดำเนินการในโรงงาน กระทั่งที่เป็นเรื่องของตัวโรงงานเองก็ตาม การจะเข้าใจเรื่องของการทำงานพึ่งพากันในส่วนต่างๆ ต้องอาศัยข้อมูล ซึ่งเป็นข้อมูลจำนวนมาก ข้อมูลดังกล่าวได้จากเซ็นเซอร์ต่างๆ จากอุปกรณ์ และเครื่องจักร และในหลายๆ กรณีต้องอาศัยการจัดการข้อมูลจากในพื้นที่ มากกว่าในดาต้าเซ็นเตอร์บนคลาวด์ […]

อนาคตโครงสร้างพื้นฐานธุรกิจค้าปลีก ขึ้นอยู่กับเครือข่ายที่ยืดหยุ่น และเอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์

โดย ราเจช ธานการาจ Edge Solutions Evangelist หน่วยธุรกิจ Secure Power ชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) สิ่งที่เกิดในปี 2020 ได้เปลี่ยนแนวทางการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าในอุตสาหกรรมค้าปลีก ด้วยข้อจำกัดที่ยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนความไม่แน่นอนที่อาจทำให้เกิดการล็อคดาวน์ขึ้นอีกในอนาคต ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าผู้ค้าปลีกไม่สามารถพึ่งพาแค่การขายหน้าร้านอย่างเดียวเพื่อสร้างยอดขายได้อีกต่อไป โดยเฉพาะผู้บริโภคในช่วงเวลานี้ ต่างกำลังมองหาทางเลือกอื่นในการช็อปปิ้ง เช่น การสั่งซื้อทางออนไลน์ ที่มีบริการจัดส่งให้ถึงบ้าน หรือการคลิกซื้อและไปรับสินค้าที่ร้านค้า หรือดูสินค้าจากเว็บและไปช้อปปิ้งที่ร้านค้า ผู้บริโภคล้วนต้องการหาทางเลือกที่มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดและให้ความสะดวกสบายสูงสุดในการจับจ่ายสินค้า การจะประสบความสำเร็จได้ ผู้ค้าปลีกต้องนำเทคโนโลยีดิจิทัล และทางเลือกเรื่องของระบบออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างตัวตนในระบบดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งผู้ค้าปลีกสามารถขยายกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าฐานลูกค้าที่มีอยู่ตามปกติ โดยใช้โฆษณาดิจิทัลเพื่อมุ่งเป้าไปยังผู้บริโภคที่ต้องการเจาะจง และเข้าถึงฐานข้อมูลในรถเข็น (cart) ที่ไม่เคยได้ใส่ใจดู และอื่น ๆ อีกมากมายเพราะความเป็นไปได้นั้นมีอยู่อย่างไม่สิ้นสุด นำเสนอในร้านค้าให้มากกว่า การนำเสนอที่ครอบคลุมและสอดคล้องกันในทุกภาคส่วน เป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการและเพื่อให้ได้ผลที่ดีเยี่ยม ร้านค้าปลีกจำต้องลงทุนในเทคโนโลยีเช่น IoT, AR และ AI เนื่องจากลูกค้ากลายเป็นผู้ซื้อที่ฉลาดขึ้น พื้นที่ในร้านค้าปลีกจึงจำเป็นต้องนำเสนอมากกว่าแค่การโชว์สินค้า ร้านค้าต้องนำเสนอประสบการณ์ด้านแบรนด์สินค้าที่น่าประทับใจและเป็นที่จดจำ ประสบการณ์ของแบรนด์เหล่านี้อาจเกิดจากการสร้างความผูกพันของลูกค้าด้วยตัวคน (human touch) หรือเทคโนโลยี เช่น VR และ […]