SIG ก้าวสู่เป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593

เอส ไอ จี เดินหน้าสู่ Net Zero หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ตามแนวทางมาตรฐานการส่งเสริมให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอิงกับเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (SBTi)

กรุงเทพฯ – 9 สิงหาคม 2566, เอส ไอ จี ผู้ให้บริการโซลูชันชั้นนำด้านบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน ได้รับการอนุมัติทั้งกลุ่มธุรกิจในด้านเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ตามแนวทางมาตรฐานการส่งเสริมให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอิงกับเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets Initiative: SBTi) บริษัทมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก(GHG) สุทธิเป็นศูนย์ ตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทภายในปี 2593 ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นที่ท้าทายที่สุดที่มีให้ผ่านแนวทาง SBTi จากบริษัทกว่า 2,000 แห่งทั่วโลกที่มีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เอส ไอ จีเป็นหนึ่งใน 300 บริษัทแรกที่ดำเนินการตามแนวทางมาตรฐานโดยอิงเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (SBTi)

บริษัทเอส ไอ จี เป็นธุรกิจชั้นนำด้านโซลูชันบรรจุภัณฑ์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ฉลองครบรอบ 170 ปีของการดำเนินธุรกิจ และได้กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่อิงกับเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวตามแนวทางของ SBTi โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์หรือ Net Zero โดยการสร้างสมดุลระหว่างการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกิดจากกระบวนการผลิตกับการดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศภายในปี 2593 ซึ่งเป้าหมายใหม่นี้มีความท้าทายกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งเป้าไว้และได้รับการรับรองจาก SBTi ในปี 2561 และ 2563 อย่างมีนัยสำคัญ โดยเอส ไอ จี มองไกลไปกว่าการดำเนินงานภายในบริษัท แต่มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินธุรกิจและผลักดันให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

เป้าหมายระยะสั้นใหม่ของเอส ไอ จี ภายในปี 2573 (คิดจากปีฐานในปี 2563) ได้แก่:
• ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ขอบเขตที่ 11 และ ขอบเขตที่ 21 รวมกันที่ 42%
• ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2573
• ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ขอบเขตที่ 31 ลง 51.6% ต่อปริมาตรการบรรจุหน่วยลิตร

เป้าหมายระยะยาวใหม่ของเอส ไอ จี ในปี 2593 ได้แก่:
• ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ขอบเขตที่ 1 และ ขอบเขตที่ 2 รวมกันที่ 90%

• ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ขอบเขตที่ 3 ลง 97% ต่อปริมาตรการบรรจุหน่วยลิตร

ซามูเอล ซิกริสต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอส ไอ จี กล่าวว่า “การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ตามแนวทางมาตรฐานการส่งเสริมให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอิงกับเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (SBTi) ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทของบริษัท ในการลดก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินธุรกิจและการผลักดันให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท เป้าหมายใหม่ของเอส ไอ จี มีความท้าทายกว่าเป้าหมายก่อนหน้านี้อย่างมาก และเรายินดีที่จะเร่งผลักดันการดำเนินธุรกิจตามแนวทางมุ่งสู่เป้าหมายใหม่ให้เร็วขึ้น โดยเราได้ร่วมเป็นหนึ่งใน 300 บริษัทแรกที่ดำเนินการตามแนวทางมาตรฐานโดยอิงเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ SBTi ซึ่งเป้าหมายใหม่นี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้มีส่วนได้เสียของเรา

แอนเจลา ลู ประธานและผู้จัดการทั่วไปของเอส ไอ จี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใต้ กล่าวว่า “ทิศทางใหม่ในการดำเนินธุรกิจของเอส ไอ จี มีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลก (net-positive) รวมถึงการผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อ “สิ่งที่ดีกว่า” ได้ส่งมอบคุณค่าต่างๆ มากมายให้กับผู้คนและโลกใบนี้ เรามุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยคาร์บอนจากผลิตภัณฑ์ต่อไปจนกว่าจะสามารถดูดซับกลับคืนมาจากชั้นบรรยากาศ มากกว่าที่ปล่อยออกไปในขณะเดียวกันก็รับประกันว่า เอส ไอ จี จะพัฒนานวัตกรรมด้านความยั่งยืนเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มไปยังผู้บริโภคทั่วโลก ด้วยวิธีการที่มีความปลอดภัย ภายใต้กรอบความยั่งยืน และราคาที่สมเหตุสมผล”

การบรรลุเป้าหมายสูงสุดตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) เพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ทำให้ทั่วโลกต้องเร่งลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์หรือ Net Zero ให้เกิดขึ้นภายในปี 2593 กระบวนการอนุมัติที่เข้มงวดของโครงการ SBTi ทำให้มั่นใจได้ว่าเอส ไอ จี จะมีกรอบการทำงานที่เข้มแข็ง ชัดเจน ภายใต้เป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามร่วมกันในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก

แนวทางหลักที่เอส ไอ จี ดำเนินการเพื่อลดการปล่อยมลพิษจากการดำเนินงานภายใต้ ขอบเขตที่ 1 และ 2 คือความมุ่งมั่นในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 100% และโครงการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ ตลอดจนการสำรวจแหล่งพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดมลพิษต่ำ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้โดยตรง

โรงงานเอส ไอ จี ที่จ.ระยอง นับเป็นโรงงานแห่งแรกในภูมิภาคนี้ ที่ติดตั้งหลังคาที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์แล้วเสร็จในปี 2561 ครอบคลุมพื้นที่ 17,664 ตารางเมตร เป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ทั้งสิ้น 12,350 แผง สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากถึง 5,675 เมกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซ

เรือนกระจกลงได้ 12,871 ตัน นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 เทียบเท่ากับการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการปลูกต้นไม้ 280 – 415 ต้น หรือคิดเป็นพื้นที่ป่ากว่า 10,000 ตารางเมตร

ผลิตภัณฑ์ของเอส ไอ จี มีส่วนสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่า(ขอบเขตที่ 3) ซึ่งครอบคลุมถึงจำนวนและประเภทของวัตถุดิบที่ใช้ โดยจากนี้เป็นต้นไปบริษัทจะให้ความสำคัญกับการลดการใช้อลูมิเนียมฟอยล์ในบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อ ในทำงานร่วมกับบริษัทคู่ค้า เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน และพัฒนาการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในเครื่องบรรจุภัณฑ์รุ่นใหม่ รวมถึงการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วสู่กระบวนการรีไซเคิลให้มากยิ่งขึ้น
_____________________________________________________________
1.ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SBTi
SBTi หรือแนวทางมาตรฐานการส่งเสริมให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยอิงกับเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (SBTi) แบ่งออกเป็น 3 ขอบเขต ได้แก่
ขอบเขตที่ 1: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงจากแหล่งที่องค์กรเป็นเจ้าของหรือควบคุมจากกระบวนการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง รวมถึงแหล่งอื่นๆ
ขอบเขตที่ 2: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอ้อมจากการซื้อพลังงาน (เช่น ไฟฟ้า ไอน้ำ ฯลฯ)
ขอบเขตที่ 3: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอ้อมจากแหล่งอื่นๆ นอกเหนือจากขอบเขตที่ 1 และ 2 (การจัดหาวัตถุดิบและชิ้นส่วนอื่นๆ การขนส่ง การใช้งานผลิตภัณฑ์ ฯลฯ) จากห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท
______________________________________________________________

เกี่ยวกับเอส ไอ จี
เอส ไอ จี เป็นผู้นำการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ เพื่อสิ่งที่ดีกว่าสำหรับลูกค้า ผู้บริโภค และเพื่อโลกที่ยั่งยืน เราร่วมมือกับลูกค้าในการนำผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มไปสู่ผู้บริโภคทั่วโลก ด้วยวิธีการที่มีความปลอดภัย ภายใต้กรอบความยั่งยืน ในราคาที่สมเหตุสมผล เทคโนโลยีและความสามารถด้านนวัตกรรมที่โดดเด่นของเอส ไอ จี ช่วยให้เราสามารถจัดหาโซลูชันแบบครบวงจรให้กับลูกค้า ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ไปจนถึงด้านโรงงานอัจฉริยะ และบรรจุภัณฑ์ที่ให้ข้อมูลดิจิทัล (Connected Packs) ทั้งหมดนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความยั่งยืนถือเป็นส่วนสำคัญในธุรกิจของเรา และเรามุ่งมั่นที่จะสร้างบรรจุภัณฑ์อาหารที่ตอบแทนคุณค่าคืนสู่สังคมและสิ่งแวดล้อม

เอส ไอ จี ก่อตั้งเมื่อปี 2396 มีสำนักงานใหญ่ที่เมืองนอยเฮาเซน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SIX Swiss Exchange มีพนักงานที่มีทักษะและประสบการณ์กว่า 9,000 คน สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกว่า 100 ประเทศได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยในปี 2565 บริษัทฯ ผลิตบรรจุภัณฑ์ได้ถึง 49,000 ล้านกล่อง สร้างรายได้ถึง 3,100 ล้านยูโร ในประมาณการรายได้ (รวมถึงรายได้ที่ยังไม่ได้รับรองจากการซื้อกิจการล่าสุด) ทั้งนี้เอส ไอ จี ได้รับการจัดอันดับด้าน ESG จาก MSCI ในระดับ AA ได้คะแนนจาก Sustainalytics ที่ 13.4 (ความเสี่ยงต่ำ) และได้รับการจัดอันดับ CSR จาก EcoVadis ในระดับ Platinum และได้รับการจัดอันดับในดัชนี FTSE4Good