Lee Kuan Yew School of Public Policy เผยแผนยุทธศาสตร์พลิกโฉมอาเซียนด้วย 5G และ AI

image 43

สิงคโปร์ – Media OutReach Newswire – 22 กรกฎาคม 2568 – Lee Kuan Yew School of Public Policy (LKYSPP) เผยแพร่รายงานวิจัยฉบับใหม่ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าถึงวิธีที่อาเซียนจะสามารถใช้ประโยชน์จากการผสานรวมเทคโนโลยี 5G และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ การศึกษาภายใต้หัวข้อ “การใช้ประโยชน์จาก 5G เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในอาเซียน: ความจำเป็น ข้อมูลเชิงลึกด้านนโยบาย และข้อเสนอแนะ” (Leveraging 5G to Accelerate AI-Driven Transformation in ASEAN: Imperatives, Policy Insights, and Recommendations)” ได้นำเสนอกลยุทธ์ที่นำไปปฏิบัติได้จริงแก่ผู้กำหนดนโยบาย เพื่อปลดล็อกศักยภาพทางดิจิทัลของภูมิภาคนี้

MAY PR 2025 07 22 182940

ศาสตราจารย์ หวู มินห์ ควง เป็นศาสตราจารย์ประจำที่ Lee Kuan Yew School of Public Policy มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์

อาเซียนกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญแห่งโอกาส งานวิจัยเผยว่าเพียงแค่ 5G ก็คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ถึง 130,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 ทว่าการนำ 5G มาใช้ยังคงไม่สม่ำเสมอทั่วทั้งภูมิภาค โดยมีอัตราการเข้าถึงตั้งแต่ 48.3% ในสิงคโปร์ ไปจนถึงน้อยกว่า 1% ในหลายประเทศสมาชิกอาเซียน หากปราศจากการร่วมมือกัน ความเหลื่อมล้ำเหล่านี้อาจยิ่งทำให้ช่องว่างทางดิจิทัลกว้างขึ้น และบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคได้ อาเซียนอาจถูกทิ้งห่าง ในขณะที่ภูมิภาคอื่นเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล

“การรวมกันของ 5G และ AI เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรม ที่ขับเคลื่อนการผลิตอัจฉริยะ การเกษตรแม่นยำ และระบบขนส่งอัตโนมัติ แต่อาเซียนไม่สามารถรอได้ โอกาสในการสร้างความเป็นผู้นำระดับภูมิภาคในการเชื่อมต่ออัจฉริยะกำลังจะหมดลงอย่างรวดเร็ว” ศาสตราจารย์ หวู มินห์ ควง จาก LKYSPP กล่าว “รายงานของเราเป็นเหมือนแผนที่นำทางให้ผู้กำหนดนโยบายในอาเซียนได้เข้าใจและรับมือกับความซับซ้อนของการผสานรวม 5G และ AI และถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องลงมือทำอย่างเด็ดขาด เราจำเป็นต้องวางกลยุทธ์ที่สอดประสานกันเพื่อเร่งสร้างความเป็นผู้นำด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะในระดับภูมิภาค เพื่อให้อาเซียนก้าวข้ามการพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป สู่การเป็นผู้นำดิจิทัลที่พลิกโฉมอย่างแท้จริง”

การศึกษาของ LKYSPP ที่ได้จากการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก และการสำรวจผู้เชี่ยวชาญกว่า 400 คนใน 8 ประเทศอาเซียน ได้ชี้ให้เห็นถึง 10 ประเด็นสำคัญที่จำเป็นเร่งด่วน เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง 5G-AI โดยเริ่มจากการสร้างความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่กำลังชะลอความก้าวหน้าของภูมิภาค รัฐบาลอาเซียนควรตระหนักว่า 5G เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน AI ไม่ใช่แค่การยกระดับระบบโทรคมนาคมเท่านั้น พร้อมกันนี้ก็ต้องเร่งแก้ไขปัญหาช่องว่างด้านทักษะที่กำลังเป็นอุปสรรคต่อการนำเทคโนโลยีไปใช้ในองค์กรต่างๆ ทั่วทั้งภูมิภาค

เพื่อให้อาเซียนสามารถรักษาอนาคตทางดิจิทัลไว้ได้ รายงานฉบับนี้จึงได้เสนอแนะลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ 5 ประการ ดังต่อไปนี้

  1. การวางแผนกลยุทธ์ระดับชาติสำหรับการพัฒนา 5G และ AI พร้อมแผนงานที่ชัดเจนสำหรับปี 2568-2573
  2. การจัดตั้งหน่วยงานประสานงานที่มีอำนาจในประเทศสมาชิกอาเซียน
  3. การใช้นโยบายด้านคลื่นความถี่ที่มองการณ์ไกล เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงและกระตุ้นนวัตกรรม
  4. AIการส่งเสริมระบบนิเวศที่ขับเคลื่อนด้วย AI ผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
  5. การนำกรอบการตรวจสอบที่แข็งแกร่งมาใช้ เพื่อติดตามความคืบหน้าและปรับปรุงแนวทางปฏิบัติได้ทันท่วงที

รายงานของ LKYSPP เน้นย้ำว่า การนำเทคโนโลยี 5G ไปใช้ในภาคธุรกิจและองค์กรต่างๆ คือหัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อนผลกระทบทางเศรษฐกิจของ 5G ให้เกิดขึ้นจริง เมื่อพิจารณาภาพรวมทั่วทั้งภูมิภาค เราจะเห็นศักยภาพอันมหาศาลและตัวอย่างความสำเร็จที่โดดเด่นมากมาย เช่น ท่าเรืออัจฉริยะของสิงคโปร์ที่ใช้ 5G ช่วยลดความล่าช้าได้ถึงครึ่งหนึ่ง ประเทศไทยได้นำระบบจัดการภัยพิบัติที่เสริมด้วย AI มาใช้ และรูปแบบเครือข่ายค้าส่งของมาเลเซียก็ครอบคลุมประชากรถึง 82% ตัวอย่างเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงพลังของการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เมื่อมีการนำกลยุทธ์ที่ประสานงานกันมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตามรายงานการวิจัยของ LKYSPP ระบุว่า เครือข่าย 5G ส่วนตัว เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่ อุตสาหกรรม 4.0 ในขณะเดียวกัน Fixed Wireless Access (FWA) ก็เป็นทางออกที่น่าสนใจในการเชื่อมโยงช่องว่างการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลที่ยังขาดการบริการ นอกจากนี้ รายงานยังชี้ให้เห็นว่า การวางรากฐาน 5G ในวันนี้ ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนา 6G ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2573 ดังนั้น การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในปัจจุบันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคในอนาคต

เมื่อมองไปในอนาคต การศึกษานี้คาดการณ์ว่าอาเซียนจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในยุคที่ขับเคลื่อนด้วย 5G และ AI ซึ่งจะทำให้องค์กรต่างๆ สามารถขยายธุรกิจไปทั่วโลกผ่านการผลิตอัจฉริยะ เกษตรกรจะเพิ่มผลผลิตได้ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจาก AI และนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลก็จะมีโอกาสเข้าถึงแพลตฟอร์มการศึกษาที่สมจริงได้ การจะทำให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริงได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยการลงมือทำอย่างกล้าหาญและประสานงานกัน การวางแผนเชิงกลยุทธ์อย่างรอบคอบ และความมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

สามารถดาวน์โหลดรายงานฉบับสมบูรณ์ความยาว 148 หน้า และบทสรุปสำหรับผู้บริหารได้แล้ว ผลการวิจัยนี้ไม่เพียงแต่เป็นแนวทางเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้กำหนดนโยบายเท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือนเสียงเรียกร้องให้สถาบันต่างๆ ในภูมิภาคเร่งดำเนินการเพื่อคว้าโอกาสจาก 5G และ AI เพื่อร่วมกันกำหนดอนาคตดิจิทัลที่สดใสสำหรับพลเมืองอาเซียนกว่า 700 ล้านคน

เกี่ยวกับศาสตราจารย์ หวู มินห์ ควง

ศาสตราจารย์ หวู มินห์ ควง เป็นศาสตราจารย์ประจำที่ Lee Kuan Yew School of Public Policy มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ งานวิจัยและการสอนของเขามุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจและการวิเคราะห์นโยบาย เขาได้ตีพิมพ์หนังสือ 3 เล่มและบทความกว่า 50 ฉบับในวารสารวิชาการที่มีชื่อเสียง รวมถึง Technological Forecasting and Social Change, Information Economics and Policy, Journal of Policy Analysis and Management, Scandinavian Journal of Economics, Telematics and Informatics, Telecommunication Policy, Journal of Structural Change and Economic Dynamics, Energy Policy เขาเป็นหนึ่งใน 2% ของนักวิชาการที่ได้รับการอ้างอิงมากที่สุดทั่วโลก ศาสตราจารย์หวูสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เขาเป็นสมาชิกของคณะบรรณาธิการของ Journal of Telecommunications Policy และ Journal of East Asian Policy

เกี่ยวกับ Lee Kuan Yew School of Public Policy  

Lee Kuan Yew School of Public Policy  (LKYSPP) เป็นบัณฑิตวิทยาลัยวิชาชีพอิสระของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ พันธกิจของวิทยาลัยคือการเป็นโรงเรียนนโยบายสาธารณะชั้นนำระดับโลก โดยมีคณาจารย์และศิษย์เก่าเป็นผู้กำหนดความคิดผู้นำ ปรับปรุงมาตรฐานการกำกับดูแล และเปลี่ยนแปลงชีวิตเพื่อโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น นอกเหนือจากหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอกแล้ว LKYSPP ยังมีหลักสูตรผู้บริหารคุณภาพสูงสำหรับข้าราชการ ผู้บริหารองค์กร และผู้เชี่ยวชาญที่ไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อให้พวกเขามีข้อมูลเชิงลึกและทักษะในการเปลี่ยนแปลงองค์กรและโลก