โครงการสุดยิ่งใหญ่นี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์แบบครบวงจร
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท จีซีแอล ซิสเต็ม อินทิเกรชัน เทคโนโลยี จำกัด (GCL System Integration Technology Co., Ltd. หรือ GCLSI) ได้ทำพิธีเปิดเฟสแรก (10 กิกะวัตต์) ของโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ประสิทธิภาพสูงชนิดเอ็นไทป์ (N-type) ขนาด 20 กิกะวัตต์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตว่านจือ เมืองอู๋หู ประเทศจีน โดยโรงงานแห่งใหม่นี้ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตเซลล์เอ็นไทป์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังช่วยเสริมกำลังการผลิตเซลล์ที่โรงงานในเหอเฟยและฟูหนิงอีกด้วย โดยคาดว่าโรงงานแห่งใหม่จะสามารถผลิตได้เต็มกำลังตามเป้าหมายในไตรมาส 4 ของปีนี้
ข้อตกลงในการสร้างโรงงานมูลค่า 1.12 พันล้านดอลลาร์ได้มีการลงนามไปเมื่อเดือนตุลาคม 2565 จากนั้นการก่อสร้างได้เริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ และใช้เวลาเพียง 5 เดือนก็ได้เห็นเซลล์ล็อตแรกออกมาจากสายการผลิต ทั้งนี้ GCLSI ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเซลล์ประสิทธิภาพสูงชนิดเอ็นไทป์ใหม่ล่าสุด ประกอบกับการใช้เครื่องจักรผลิตเซลล์อัตโนมัติที่ทันสมัยที่สุดในโลก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างฐานการผลิตรวมถึงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ประสิทธิภาพสูงที่มีขนาดใหญ่ ชาญฉลาด และใช้ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ
โรงงานในเมืองอู๋หูได้เข้ามาเติมเต็มและเสริมความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานที่มีอยู่เดิม ด้วยการเพิ่มความสามารถในการปรับขนาดซึ่งจำเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ความเร็วในการสร้างโรงงานซึ่งใช้เวลาเพียง 5 เดือน ยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางของบริษัทในการค่อย ๆ เพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง และจะเพิ่มขึ้นจนเต็มกำลังการผลิตในไตรมาส 4 ของปีนี้ ขณะเดียวกัน โรงงานในเมืองอู๋หูยังทำหน้าที่เป็นรากฐานสำคัญสำหรับ GCLSI ในการเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันในห่วงโซ่อุตสาหกรรมโมดูลเอ็นไทป์ โดยผลักดันให้บริษัทเป็นผู้บุกเบิกและผู้นำที่ทรงอิทธิพลในเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ใหม่ล่าสุดนี้
หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างการผลิตโมดูล ขณะนี้ GCLSI ได้เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการเพิ่มกำลังการผลิตเซลล์และโมดูล และเมื่อโรงงานในเมืองอู๋หูแล้วเสร็จ เซลล์ประสิทธิภาพสูงชนิดเอ็นไทป์จะคิดเป็น 87% ของกำลังการผลิตเซลล์ทั้งหมด ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่น่าประทับใจเมื่อเทียบกับบริษัทอื่น ๆ ขณะเดียวกัน โครงการนี้ยังแสดงให้เห็นว่า บริษัท GCLSI ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่อย่าง GCL Group ได้พัฒนาจนกลายเป็นห่วงโซ่อุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่วัสดุซิลิคอน เวเฟอร์ การผลิตเซลล์ การผลิตโมดูล ไปจนถึงการบูรณาการระบบกักเก็บพลังงาน ส่งผลให้บริษัทมีความมั่นคงและเป็นผู้นำของอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ GCLSI ยังมีส่วนร่วมในการวิจัยและพัฒนาโมดูลเอ็นไทป์ที่ผลิตในปริมาณมาก โดยโมดูลเอ็นไทป์ของบริษัทมีค่าประสิทธิภาพมากกว่า 22%
GCLSI มุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะแบบคาร์บอนต่ำ โดยใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบในด้านเซลล์ โมดูล การกักเก็บพลังงาน และการรวมระบบ ประกอบกับกลยุทธ์การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและหลากหลาย ทั้งนี้ โรงงานในเมืองอู๋หูถือเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทในการเร่งผลิตเซลล์ในปริมาณมาก ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ยกระดับการควบคุมคุณภาพ ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และพัฒนาบริการลูกค้า โดยความพยายามทั้งหมดทั้งมวลนี้มุ่งไปสู่การสร้างฐานการผลิตรวมถึงการวิจัยและพัฒนาที่เพียบพร้อมด้วยระบบดิจิทัล ชาญฉลาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รูปภาพ – https://mma.prnewswire.com/media/2168858/image.jpg