ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวว่า จีนจะเดินหน้ายกระดับความร่วมมือกับรัฐอาหรับภายใต้ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative หรือ BRI) ข้อริเริ่มการพัฒนาระดับโลก (Global Development Initiative หรือ GDI) และข้อริเริ่มความมั่นคงระดับโลก (Global Security Initiative หรือ GSI)
นายสี จิ้นผิง กล่าวสุนทรพจน์ระหว่างการประชุมกับผู้นำรัฐอาหรับ ก่อนเปิดฉากการประชุมสุดยอดจีน-รัฐอาหรับ ครั้งแรก และการประชุมสุดยอดจีน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) ณ กรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ในการพูดคุยกับเหล่าผู้นำของรัฐอาหรับ นายสี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญอย่างยิ่งของอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน การพัฒนาเศรษฐกิจ และความร่วมมือระหว่างประเทศ
อธิปไตยของชาติ
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้นำเสนอข้อริเริ่มความมั่นคงระดับโลกขณะกล่าวสุนทรพจน์หลักในพิธีเปิดการประชุมโป๋อ๋าว ฟอรัม ฟอร์ เอเชีย (Boao Forum for Asia Annual Conference) ประจำปี 2565 โดยผู้นำจีนได้สนับสนุนหลักการ 6 ประการ ซึ่งรวมถึงการที่ประเทศต่าง ๆ ควรเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกันและกัน ยึดมั่นในหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายใน ปฏิเสธสงครามเย็น และต่อต้านการกระทำอยู่ฝ่ายเดียว เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ สามารถร่วมกันส่งเสริมความมั่นคงสำหรับทุกคนบนโลกใบนี้
ในการประชุมกับผู้นำทางการเมืองกว่าสิบท่านของรัฐอาหรับ ซึ่งรวมถึงปาเลสไตน์ อียิปต์ ซูดาน คูเวต ตูนิเซีย และอิรัก นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนมองว่ารัฐอาหรับเป็นพลังสำคัญในโลกหลายขั้ว และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
สถานการณ์ระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคในปัจจุบันกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งและซับซ้อน และจีนสนับสนุนรัฐอาหรับทั้งหมดอย่างแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และเสถียรภาพของชาติ รวมทั้งสนับสนุนโลกอาหรับในการเดินตามเส้นทางการพัฒนาที่เหมาะสมกับเงื่อนไขของประเทศ นอกจากนี้ จีนยังต่อต้านคนนอกที่เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในอีกด้วย ผู้นำจีนกล่าว
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า ไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศและภูมิภาคจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จีนยังคงสนับสนุนอุดมการณ์อันชอบธรรมของชาวปาเลสไตน์ในการฟื้นฟูสิทธิอันชอบธรรมและผลประโยชน์ของชาติ พร้อมกับแนะนำว่าประชาคมระหว่างประเทศควรให้ความสำคัญกับปัญหาปาเลสไตน์ในวาระระหว่างประเทศ ตลอดจนยึดมั่นแนวทางการแก้ปัญหาสองรัฐและหลักการ “ดินแดนสันติภาพ” และอำนวยความสะดวกในการเริ่มเจรจาสันติภาพอีกครั้งตามมติของสหประชาชาติและข้อริเริ่มสันติภาพอาหรับ (Arab Peace Initiative) ประธานาธิบดีจีนกล่าวเสริม
เขากล่าวด้วยว่า จีนสนับสนุนทุกฝ่ายในซูดานในการผลักดันการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองอย่างมั่นคงด้วยการเจรจาและการปรึกษาหารือ และต่อต้านกองกำลังภายนอกที่เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของซูดาน ตลอดจนสนับสนุนทุกฝ่ายในอิรักเพื่อเสริมสร้างเอกภาพและความร่วมมือ
การพัฒนาเศรษฐกิจ
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้นำเสนอข้อริเริ่มการพัฒนาระดับโลกในเดือนกันยายน 2564 เมื่อต้องเผชิญกับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเขาเชื่อว่าโลกควรชูประเด็นการพัฒนาเป็นวาระสำคัญของนโยบายมหภาคทั่วโลก และเสริมสร้างการประสานงานด้านนโยบายระหว่างประเทศเศรษฐกิจหลัก เพื่อให้มั่นใจว่านโยบายมีความต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และยั่งยืน และก่อนหน้านั้นในปี 2556 จีนได้นำเสนอข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เพื่อยกระดับการเชื่อมต่อ การสื่อสาร และความร่วมมือทั่วโลก รวมทั้งส่งเสริมระบบโลกที่สมดุลและเสมอภาคมากขึ้น
ในการประชุมกับผู้นำรัฐอาหรับ นายสี จิ้นผิง ให้คำมั่นว่า จีนจะเดินหน้าทำงานร่วมกับรัฐอาหรับเพื่อกระชับและขยายการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงในด้านพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน การรักษาพยาบาล การบิน การเงิน การสื่อสาร 5G อีคอมเมิร์ซ และเศรษฐกิจทางทะเล
นอกจากนี้ ผู้นำจีนได้ชี้ให้เห็นยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของหลายชาติ ซึ่งรวมถึงวิสัยทัศน์ปี 2573 ของซาอุดีอาระเบีย (Saudi Vision 2030), ข้อริเริ่มตะวันออกกลางสีเขียว (Middle East Green Initiative), วิสัยทัศน์ปี 2578 ของคูเวต (Kuwait Vision 2035), วิสัยทัศน์ปี 2578 ของจิบูตี (Djibouti Vision 2035), วิสัยทัศน์ปี 2573 ของกาตาร์ (Qatar National Vision 2030) และแผนการปี 2573 ของคอโมโรส (Emerging Comoros Plan for 2030) โดยกล่าวว่าจีนจะปรับนโยบายการพัฒนาของจีน รวมถึงการปฏิบัติตามผลลัพธ์ของการประชุมความร่วมมือจีน-รัฐอาหรับ และการประชุมความร่วมมือจีน-แอฟริกา ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศเหล่านี้ เพื่อนำพาความร่วมมือระหว่างจีนกับรัฐอาหรับไปสู่ระดับใหม่ที่สูงขึ้น
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนจะยังคงให้ความช่วยเหลือแก่รัฐอาหรับที่กำลังพัฒนาตามกำลังความสามารถ และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการจีนเข้าไปลงทุนในรัฐอาหรับ เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่น รวมถึงกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ความร่วมมือระหว่างประเทศ
ในระหว่างการประชุมกับผู้นำรัฐอาหรับ นายสี จิ้นผิง ให้คำมั่นว่าจีนจะยังคงร่วมมือกับชาติอาหรับในด้านต่าง ๆ รวมถึงการต่อต้านการก่อการร้ายและการขจัดความยากจน
นายสี จิ้นผิง เปิดเผยว่า ในช่วงหลายปีมานี้ จีนได้ช่วยเหลือประเทศมอริเตเนียในการพัฒนาถนน สะพาน โรงพยาบาล และโครงการสำคัญอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อความเป็นอยู่ของประชาชน พร้อมเสริมว่าจีนจะยังคงสนับสนุนให้ผู้ประกอบการจีนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในด้านพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน และภาคส่วนอื่น ๆ ของมอริเตเนีย เพื่อนำประโยชน์มาสู่ชาวมอริเตเนีย
ในส่วนของภารกิจของรัฐบาลโซมาเลียในการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายนั้น นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนสนับสนุนรัฐบาลโซมาเลียในการเพิ่มขีดความสามารถเพื่อรักษาเสถียรภาพและต่อสู้กับการก่อการร้าย
เขากล่าวเสริมว่า จีนได้ดำเนินโครงการด้านสุขภาพ กีฬา และการฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์หลายโครงการในตูนิเซียในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และจีนพร้อมที่จะพัฒนาความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับตูนิเซียในด้านต่าง ๆ เช่น การดูแลสุขภาพ โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีขั้นสูง และเทคโนโลยีใหม่ พร้อมกับขยายการแลกเปลี่ยนทรัพยากรมนุษย์รวมถึงการแลกเปลี่ยนระดับท้องถิ่นและนอกภาครัฐ นอกจากนี้ จีนยังยินดีต้อนรับผลิตภัณฑ์และสินค้าพิเศษที่เป็นที่ต้องการของตลาดจากตูนิเซียอีกด้วย
ขณะเดียวกัน จีนและรัฐอาหรับได้กระชับความร่วมมือในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยกตัวอย่างเช่น บาห์เรนเป็นประเทศแรก ๆ ในโลกที่อนุมัติวัคซีนโควิด-19 ของซิโนฟาร์ม (Sinopharm)
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนยังต้องการยกระดับความร่วมมือทางการแพทย์และสุขภาพ รวมถึงส่งเสริมการเรียนภาษาจีนในบาห์เรนอีกด้วย