CGTN: จีนชูการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม-ความสามัคคีทางชาติพันธุ์ เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่ความทันสมัย

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ปฏิบัติภารกิจลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเขตปกครองตนเองมองโกเลียในทางตอนเหนือของจีนเมื่อวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการตรวจเยี่ยมเขตปกครองตนเองเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว

ระหว่างการลงพื้นที่ครั้งนี้ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง ได้เรียกร้องให้มองโกเลียในยึดมั่นในจุดยืนทางยุทธศาสตร์ และดำเนินการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยให้ความสำคัญกับการปกป้องระบบนิเวศ

นอกจากนี้ เขาเน้นย้ำว่าควรพยายามดำเนินการตามหลักปรัชญาการพัฒนาใหม่ และสร้างสำนึกร่วมแห่งความเป็นประชาคมเพื่อชาติจีน เพื่อเขียนบทใหม่ของการสร้างชาติจีนให้ทันสมัย

การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ทะเลสาบอูเหลียงซู่ (Wuliangsu) ตั้งอยู่ที่ปลายโค้งน้ำอันคดเคี้ยวของแม่น้ำฮวงโห หรือ แม่น้ำเหลือง โดยเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของลุ่มแม่น้ำฮวงโห และมีบทบาทในการควบคุมการไหลของน้ำ ปรับปรุงคุณภาพน้ำ รวมถึงป้องกันการก่อตัวของน้ำแข็งและการเกิดอุทกภัย จึงถือเป็นศูนย์กลางการทำงานของระบบนิเวศในภาคเหนือของจีน

นายสี จิ้นผิง เดินทางเยือนทะเลสาบอูเหลียงซู่เป็นที่แรกในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ โดยเขาได้เน้นย้ำถึงการอนุรักษ์แบบบูรณาการและการจัดการอย่างเป็นระบบทั้งในส่วนของภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้ พื้นที่เพาะปลูก ทะเลสาบ หญ้า และทราย

ข้อมูลจากรัฐบาลส่วนภูมิภาคระบุว่า ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา มองโกเลียในปลูกต้นไม้ 122 ล้านหมู่ (mu) หรือประมาณ 8.1 ล้านเฮกตาร์ รวมถึงปลูกหญ้า 286 ล้านหมู่ ขณะเดียวกัน พื้นที่ที่แปรสภาพเป็นทะเลทรายก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง

ประธานาธิบดี สี จิ้งผิง ได้ยืนยันถึงความสำเร็จของมองโกเลียใน พร้อมกับเน้นย้ำความสำคัญของความพยายามอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ผู้นำจีนกล่าวว่า หัวใจสำคัญสูงสุดของการพัฒนามองโกเลียในอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงและยกระดับอุตสาหกรรมพลังงานแบบดั้งเดิม การพัฒนาพลังงานสีเขียวอย่างจริงจัง และการเสริมสร้างฐานพลังงานหลักของประเทศ

ระหว่างการตรวจเยี่ยมนิคมอุตสาหกรรมในเมืองฮูฮอต นายสี จิ้นผิง ได้กระตุ้นให้ทุกฝ่ายพยายามนำพาจีนให้บรรลุเป้าหมายในการพึ่งพาตนเองด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลังจากที่เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนารวมถึงการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และผลิตภัณฑ์เซลล์แสงอาทิตย์ของวิสาหกิจในนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว

นอกจากนี้ เขาเรียกร้องให้มองโกเลียในมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และการสร้างระเบียงเศรษฐกิจจีน-มองโกเลีย-รัสเซีย เพื่อยกระดับการเปิดประเทศไปอีกขั้น

นายสี จิ้นผิง ยังเรียกร้องให้มองโกเลียในยกระดับการเชื่อมโยงกับภูมิภาคปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย, สามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี, เขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า และมณฑลอื่น ๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน

สำนึกร่วมแห่งความเป็นประชาคมเพื่อชาติจีน

ประเทศจีนมีความเป็นปึกแผ่นแม้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ และเขตปกครองตนเองมองโกเลียในก็เป็นเขตปกครองตนเองระดับมณฑลแห่งแรกที่จัดตั้งขึ้นในประเทศจีน

นายสี จิ้นผิง กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า จากมุมมองของประเทศ งานที่ยากที่สุดในการนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประชาชนทั่วประเทศ ยังคงเป็นงานตามพื้นที่ชายแดนที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อย

เขาเน้นย้ำว่า พื้นที่เหล่านี้ไม่ควรถูกทิ้งไว้ข้างหลังบนถนนสู่ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวว่า ควรมีการพัฒนาช่องทางการจ้างงาน รวมถึงปรับปรุงระบบประกันสังคมในหลายระดับ และรวบรวมผลลัพธ์ของการบรรเทาความยากจน

นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของความสามัคคีทางชาติพันธุ์ และสำนึกร่วมแห่งความเป็นประชาคมเพื่อชาติจีน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผู้นำจีนเน้นย้ำหลายต่อหลายครั้ง

ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา จีนใช้มาตรการอย่างจริงจังเพื่อส่งเสริมสำนึกร่วมแห่งความเป็นประชาคมเพื่อชาติจีน ซึ่งครอบคลุมถึงนโยบายสนับสนุน กองทุนเพื่อการพัฒนา และโครงการอุตสาหกรรมสำหรับชนกลุ่มน้อยและพื้นที่ชายแดน

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการกิจการชาติพันธุ์แห่งชาติ รายงานว่า ในช่วงปี 2555-2565 รายได้ต่อหัวที่ใช้จ่ายได้จริงของผู้อยู่อาศัยในเมืองในพื้นที่ที่มีชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 7.7% ต่อปี ส่วนรายได้ของผู้อยู่อาศัยในชนบทเพิ่มขึ้น 10.2%

https://news.cgtn.com/news/2023-06-08/Xi-urges-Inner-Mongolia-to-pursue-green-development-1kt8myCu1yg/index.html