CGTN: เมืองซีอานจัดการประชุมสุดยอดจีน-เอเชียกลาง มุ่งกระชับความสัมพันธ์สร้างอนาคตที่ดีกว่าไปด้วยกัน

คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เมืองซีอานได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมแบบตัวต่อตัวครั้งแรกระหว่างประมุขแห่งรัฐของจีน กับ 5 ประเทศแถบเอเชียกลาง นับตั้งแต่ที่ทั้งสองฝ่ายได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 31 ปีที่ผ่านมา

ย้อนกลับไปกว่า 2,100 ปีที่แล้ว จาง เฉียน (Zhang Qian) ผู้แทนทางทูตแห่งราชวงศ์ฮั่น ได้เดินทางจากเมืองฉางอันสู่ตะวันตก โดยเมืองฉางอันปัจจุบันก็คือเมืองซีอานทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนนี่เอง เพื่อเปิดประตูสู่มิตรภาพและการแลกเปลี่ยนระหว่างจีนกับเอเชียกลาง

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้กล่าวสุนทรพจน์หลักในการประชุมสุดยอดจีน-เอเชียกลาง ซึ่งจัดขึ้นที่จุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมโบราณ เพื่อพาระลึกถึงมิตรภาพอันเก่าแก่นับพันปี พร้อมยกย่องความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยพลังและความมีชีวิตชีวาในยุคใหม่

ปธน.สีเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสนับสนุนซึ่งกันและกัน การพัฒนาร่วมกัน พร้อมรักษาความมั่นคงและมิตรภาพที่ยั่งยืนในระดับสากล โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างชุมชนจีน-เอเชียกลางที่มีอนาคตร่วมกัน

การประชุมสุดยอดที่ว่านี้มีขึ้นตั้งแต่วันพฤหัสบดีไปจนถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีผู้นำให้เกียรติเข้าร่วมมากมาย ทั้งนายคาซึม โจมาร์ท โทคาเยฟ ประธานาธิบดีคาซัคสถาน นายซาดีร์ จาปารอฟ ประธานาธิบดีคีร์กีซสถาน นายเอมอมาลี เราะห์มาน ประธานาธิบดีทาจิกิสถาน นายเซร์ดาร์ เบร์ดือมูฮาเมดอว์ ประธานาธิบดีเติร์กเมนิสถาน และนายชัฟคัต มีร์ซีโยเยฟ ประธานาธิบดีอุซเบกิสถาน

ในขณะที่พบปะหรือพูดคุยกับปธน.สีนั้น บรรดาผู้นำต่างแสดงความเชื่อมั่นในการส่งเสริมความร่วมมือกับจีน โดยออกตัวสนับสนุนความคิดริเริ่มที่จีนเสนอในด้านการพัฒนา ความมั่นคง และอารยธรรมระดับโลก

เร่งกระชับความร่วมมือในแถบ BRI

เอเชียกลางเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) โดยปธน.สีได้เสนอให้สร้างแถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมขึ้นเป็นครั้งแรก ขณะกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยนาซาร์บาเยฟของคาซัคสถานเมื่อเดือนกันยายน 2556 ซึ่งอีกหนึ่งเดือนต่อมา เขาก็ได้เสนอให้สร้างเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 ในอินโดนีเซียด้วย

ปธน.สี กล่าวว่า “ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จีนและประเทศต่าง ๆ ในเอเชียกลางได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อฟื้นฟูเส้นทางสายไหมอย่างเต็มที่ และกระชับความร่วมมือที่มุ่งเน้นอนาคตอย่างจริงจัง เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของเราไปสู่ยุคใหม่”

ปธน.สียังยกย่องทางหลวงจีน-คีร์กีซสถาน-อุซเบกิสถาน ทางด่วนจีน-ทาจิกิสถาน ท่อส่งน้ำมันดิบจีน-คาซัคสถาน และท่อส่งก๊าซจีน-เอเชียกลาง โดยเปรียบเป็นเส้นทางสายไหมในปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็ยกให้รถไฟบรรทุกสินค้าจีน-ยุโรป รถบรรทุกและเที่ยวบินขนส่งสินค้าเป็นรถไฟอูฐด้วย

นอกเหนือจากความร่วมมือแบบดั้งเดิมแล้ว จีนและเอเชียกลางควรสร้างแรงขับเคลื่อนใหม่ ๆ เพื่อผลักดันการเติบโตทางการเงิน การเกษตร การบรรเทาความยากจน การพัฒนาสีเขียวและคาร์บอนต่ำ บริการทางการแพทย์ สุขภาพ และนวัตกรรมดิจิทัล

การค้าระหว่างจีนกับทั้ง 5 ประเทศแถบเอเชียกลางนี้มีมูลค่าถึง 7 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2565 เพิ่มขึ้นกว่า 100 เท่านับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยเมื่อนับจนถึงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้ว กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า หุ้นการลงทุนโดยตรงของจีนในเอเชียกลางอยู่ที่กว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์

ผนึกกำลังสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน

หลังจากที่ทั้ง 5 ประเทศแถบเอเชียกลางนี้ได้ประกาศเอกราชไปเมื่อปี 2534 จีนก็เป็นประเทศแรก ๆ ที่ยอมรับอำนาจอธิปไตยของประเทศเหล่านี้ ทั้งยังได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตด้วย ซึ่งตั้งแต่นั้นมา จีนและประเทศเหล่านี้ได้ร่วมกันเสริมสร้างความร่วมมือทางยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง

ในการประชุมสุดยอดเมื่อวันศุกร์นั้น ปธน.สีได้กล่าวย้ำว่า อำนาจอธิปไตย ความมั่นคง เอกราช และบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศต่าง ๆ ในเอเชียกลาง เป็นสิ่งที่ต้องยึดถือ ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพทางเลือกในการพัฒนาตามที่ประชาชนของประเทศนั้นเลือกไว้ พร้อมสนับสนุนความพยายามเพื่อสันติภาพ ความปรองดอง และความเงียบสงบ

เขากล่าวย้ำว่า “เราจำเป็นต้องปฏิบัติตามโครงการความมั่นคงโลก (Global Security Initiative) และยืนหยัดต่อสู้กับอิทธิพลจากภายนอกที่ต้องการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศต่าง ๆ หรือยุยงให้เกิดการปฏิวัติสี”

ผู้นำจีนเปิดเผยว่า จีนและเอเชียกลางไม่ควรอ่อนข้อต่อการก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน และลัทธิสุดโต่ง และควรมุ่งแก้ไขปัญหาความมั่นคงในภูมิภาค

ส่งเสริมการเจรจาระหว่างอารยธรรมต่าง ๆ

เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บรรดาผู้นำยังได้ชมการแสดงศิลปะ โดยนักเต้นแต่งกายในชุดนักรบดินเผาเต้นไปตามจังหวะกลอง นับเป็นการเปิดฉากปีแห่งวัฒนธรรมและศิลปะของประชาชนจีนและเอเชียกลาง เช่นเดียวกับเทศกาลศิลปะเยาวชนจีน-เอเชียกลาง

ปธน.สี เปิดเผยว่า บุคคลในภาควัฒนธรรมที่ส่งข้อความแห่งมิตรภาพ รวมถึงผู้ประกอบการที่แสวงหาโอกาสทางธุรกิจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ต่อสู้กับโควิด-19 และนักเรียนนักศึกษาจากทั่วโลกที่กำลังศึกษาต่อ ล้วนเปรียบได้กับทูตสันถวไมตรียุคนี้

มหาวิทยาลัยหลายแห่งในจีนเปิดรับนักศึกษาจากเอเชียกลางมากขึ้น ซึ่งช่วยส่งเสริมความเข้าใจและความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านการแลกเปลี่ยนเยาวชน โดยก่อนการระบาดของโควิด-19 นั้น นักเรียนนักศึกษาจากเอเชียกลางที่ศึกษาในจีนมีจำนวนเพิ่มขึ้นปีละกว่า 12% ระหว่างปี 2553 ถึง 2561

รัฐบาลจีนเดินหน้ามอบทุนการศึกษาสำหรับประเทศในเอเชียกลางต่อไป พร้อมเปิดบริการรถไฟพิเศษรองรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในเอเชียกลาง ทั้งยังมีอีกหลายโครงการเพื่อส่งเสริมการสนทนาแลกเปลี่ยนระหว่างอารยธรรมต่าง ๆ

เขากล่าวว่า “เราจำเป็นต้องปฏิบัติตามโครงการความมั่นคงโลก สานต่อมิตรภาพที่มีมาอย่างยาวนาน และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนในระดับประชาชนคนกันเอง”

https://news.cgtn.com/news/2023-05-19/China-Central-Asia-vow-to-build-closer-community-with-shared-future-1jVLJrBkwuI/index.html