การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกก่อให้เกิดความไม่แน่นอนมากมาย ส่งผลให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนที่มีฐานะมั่งคั่งทั่วโลกหันมามองหาถิ่นที่อยู่เพิ่มกันมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ผ่านโครงการลงทุนเพื่อขอสัญชาติและสิทธิ์พำนักอาศัย โดยมีจุดประสงค์เพื่อจัดการกับข้อจำกัดและความเสี่ยงต่าง ๆ จากการมีถิ่นที่อยู่เดียว
ในช่วงเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา Henley & Partners พบว่า จำนวนคำถามที่ได้รับเฉลี่ยในแต่ละวันนั้นพุ่งสูงขึ้นถึง 32% เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 สัญชาติที่สนใจลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐานนั้นปรากฏให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เปิดโลกทัศน์ใหม่อย่างยิ่ง โดยที่น่าแปลกใจมากที่สุดคือพลเมืองสหรัฐ ซึ่งมีการสอบถามเรื่องนี้เพิ่มขึ้นถึง 192% ในปี 2563 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น ขณะที่ชาวแคนาดามีการสอบถามเพิ่มขึ้น 34% พลเมืองสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 29% และพลเมืองฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 26%
ดร. Juerg Steffen ซีอีโอของ Henley & Partners เปิดเผยว่า บุคคลที่มีความมั่งคั่งสูงจากประเทศพัฒนาแล้วอันดับต้น ๆ ของโลก ล้วนเลือกแผนการลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐานแบบผสมผสานที่มีตัวเลือกในการขอสัญชาติและสิทธิ์พำนักอาศัยเพิ่มเติม เพื่อสร้างคุณประโยชน์และบรรเทาความเสี่ยงในแง่ของสถานที่ที่ตนเองและครอบครัวสามารถใช้ชีวิต ทำงาน เรียน และลงทุน โดยกล่าวว่า “เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าเราไม่ควรลงทุนลงแรงทั้งหมดไปกับสิ่งเดียว ตัวเลือกโปรแกรมส่วนใหญ่ให้สิทธิ์ครอบคลุมทั้งครอบครัว และหลายโปรแกรมก็ครอบคลุมถึงพ่อแม่ และแม้แต่ปู่ย่าตายายและพี่น้อง ยิ่งคุณมีสิทธิ์เข้าถึงเขตอำนาจมากเท่าใด สินทรัพย์และโอกาสก็จะกระจายความเสี่ยงได้มากขึ้นเท่านั้น ส่วนโอกาสในการเผชิญความเสี่ยงที่พบเห็นในบางประเทศ เช่น ความปลอดภัยด้านสุขภาพย่ำแย่ อัตราภาษีสูง หรือนโยบายเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิดนั้นก็จะลดลงไปด้วย”
Dominic Volek ประธานฝ่ายลูกค้าเอกชนของ Henley & Partners เปิดเผยว่า ความสนใจที่เพิ่มขึ้นในการเพิ่มตัวเลือกถิ่นที่อยู่เพื่อยกระดับความยืดหยุ่นของพอร์ตการลงทุน และรับรองความยั่งยืนทางกายภาพและการเงินหลังเกิดการแพร่ระบาดนั้นเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก โดยกล่าวว่า “สิ่งนี้เป็นเรื่องของการมองในภาพรวมระดับโลกอย่างแท้จริง และหนทางที่ดีที่สุดในการทำสิ่งนั้นคือการมีพอร์ตที่มีการกระจายความเสี่ยง ซึ่งมีสถานที่หลายแห่งที่คุณ ครอบครัว เครือญาติ และสินทรัพย์ของคุณเองนั้นตั้งอยู่ได้ เพื่อเปิดโอกาสเพิ่มเติมในแง่ของธุรกิจ อาชีพ การศึกษา สุขภาพ และวิถีชีวิตในระดับโลก”
“ตัวเลือกที่ตอบโจทย์ครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีหลายรุ่นนั้นมีอยู่มากมาย ซึ่งครอบครัวเหล่านี้ไม่ได้จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่เดียวกันเสมอไป ยกตัวอย่างเช่น นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีรายหนึ่งสามารถสมัครขอวีซ่าตามโครงการ Australia’s Global Talent Independent Visa เพื่อขอสิทธิ์พำนักอาศัยถาวรในออสเตรเลีย ขณะที่ลูก ๆ ตั้งเป้าเรียนต่อในยุโรปหรือสหราชอาณาจักร ทำให้ต้องสมัครเข้าโครงการ UK Investor Immigration Program หรือไม่ก็ Portugal Golden Residence Permit Program ส่วนพ่อแม่ที่เกษียณอายุเรียบร้อยแล้วอาจอยากมาอยู่ประเทศไทย จึงต้องมาสมัครเข้าโครงการ Thailand Elite Residence Program ซึ่งมีตัวเลือกให้สิทธิ์ครอบคลุมผู้อยู่ในอุปการะหลายคนด้วย ทั้งนี้ โควิด-19 ได้ย้ำเตือนว่า เราจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ในระยะยาว ไม่ใช่มาวิ่งเต้นหาทางออกฉุกเฉินในนาทีสุดท้ายเมื่อถิ่นที่อยู่ในปัจจุบันมีปัญหา”