“เมนารินี” เปิดตัวหนังสือรวมผลงานศิลปะของยอดจิตรกร “บอตตีเชลลี” ในฟลอเรนซ์ อุทิศให้กับสัญลักษณ์ของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลี
ซันโดร บอตตีเชลลี (Sandro Botticelli) จิตรกรผู้ประสบความสำเร็จ ศิลปินที่ตีความวัฒนธรรมในยุคสมัยของตนเองได้อย่างละเอียดอ่อน และผู้สร้างสรรค์ผลงานอันยอดเยี่ยมมากมาย ถือเป็นปรมาจารย์ด้านความงามที่แท้จริง ด้วยผลงานจิตรกรรมภาพ “วีนัส” (Venus) บอตตีเชลลีได้สรรสร้างหลักการแห่งความสมบูรณ์แบบโดยไม่รู้ตัว ซึ่งมีความใกล้เคียงกับหลักการที่สะท้อนอยู่ในยุคปัจจุบัน แต่ถึงกระนั้น เขาก็เป็นบุคคลที่ลึกลับและไม่หยุดนิ่ง แม้เขาจะมีชื่อเสียงโด่งดังเหนือกาลเวลา แต่ภาพวาดของเขายังคงซุกซ่อนความลึกลับที่ยากจะหยั่งรู้ หลังจากเวลาผ่านไป 60 ปี ผลงานของซันโดร บอตตีเชลลี ได้หวนคืนกลับสู่ซีรีส์งานศิลปะของเมนารินี กรุ๊ป (Menarini Group) กับหนังสือรวมผลงานศิลปะที่ยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนซึ่งมีการนำเสนอ ณ ห้องอะพอลโลรูม (Apollo Room) ของพระราชวังปุชชี่ (Palazzo Pucci) ในเมืองฟลอเรนซ์ ผ่านปลายปากกาของผู้เขียนอย่างคริสตินา แอซิดินี (Cristina Acidini) อดีตผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ศิลปะหลายแห่งในฟลอเรนซ์ และปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานของพิพิธภัณฑ์ซานตาโครเช (Opera di Santa Croce) และสถาบันอันทรงเกียรติอื่น ๆ ในฟลอเรนซ์
หนังสือรวมผลงานศิลปะเล่มนี้ได้พาเราย้อนเวลากลับไปยังเมืองฟลอเรนซ์ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 15 ณ โรงงานย้อมสีของมาริอาโน ฟิลิเปปิ (Mariano Filipepi) ผู้เป็นบิดาของบอตตีเชลลี ซึ่งในสถานที่ดังกล่าว บอตตีเชลลีในวัยเด็กซึ่งมีความหลงใหลในสีสันที่ได้เห็นในโรงงานอุตสาหกรรมของครอบครัว ได้สัมผัสกับการเรียนศิลปะเป็นครั้งแรก แหล่งข่าวเพียงไม่กี่แหล่งที่รู้จักบอตตีเชลลีกล่าวว่า ศิลปินผู้นี้เป็นชายที่ชอบประชดประชัน ชอบพูดจาเสียดสี และชอบล้อเลียนผู้อื่น ตามจิตวิญญาณของชาวฟลอเรนซ์ในยุคนั้น จิตวิญญาณของเขาถูกรบกวนด้วยอารมณ์ที่หุนหันพลันแล่น โดยในอดีต บอตตีเชลลีได้ปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะไม่แต่งงาน แต่เขาได้ประกาศความรักนิรันดร์มั่นคงต่อฟลอเรนซ์ นครที่เขาไม่เคยจากไปไหนเว้นแต่เฉพาะทริปเดินทางสั้น ๆ เพียงไม่กี่ครั้ง ด้วยความอ่อนไหวในฐานะมนุษย์และความเป็นศิลปินที่มีเปี่ยมล้น เขาได้บันทึกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเมืองแห่งนี้ ตั้งแต่ชัยชนะอันน่าตื่นเต้นของลอเรนโซ เดอ เมดิชิ (Lorenzo de’ Medici) ไปจนถึงขบวนแห่ของซาโวนาโรลา (Savonarola) ในฐานะศิลปิน เขามีความสามารถที่โดดเด่นในการปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย โดยเขามักวาดภาพบุคคลคนที่กำลังเจ็บปวดทรมานด้วยสีโทนเข้ม เช่น ผลงานภาพความโทมนัสต่อพระคริสต์ผู้ล่วงลับ (Lamentation over the Dead Christ) และพระตรีเอกภาพ (Pala delle Convertite) ซึ่งแตกต่างจากภาพที่มีมิติกลมกลืนและดูสง่างามอย่างผลงานกำเนิดวีนัส (Birth of Venus) และวสันตฤดู (Primavera) โดยผลงานสองชิ้นหลังที่ว่านี้ซึ่งการมีเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอและถูกนำเสนอในรูปแบบใหม่นับครั้งไม่ถ้วน ได้ทำให้บอตตีเชลลีกลายเป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ซึ่งผลงานของเขายังคงสะท้อนอยู่ในการศึกษาสมัยใหม่ หรือแม้กระทั่งในยุคปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้ ในปัจจุบันจึงยังมีข้อถกเถียงมากมายเกี่ยวกับลำดับเหตุการณ์และการตีความภาพวาดของบอตตีเชลลีอยู่หลายชิ้น รวมถึงภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดด้วย แท้ที่จริงแล้ว การบูรณะและการตรวจสอบวินิจฉัยที่ซับซ้อนมักทำให้โลกได้เห็นองค์ประกอบใหม่ ๆ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังผลงานของเขา ซึ่งก่อให้เกิดแนวคิดที่นำไปสู่การถกเถียงกันในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ
“ผลงานของศิลปินที่ไม่ธรรมดาผู้นี้ได้หวนคืนสู่ซีรีส์งานศิลปะของเมนารินี กับหนังสือรวมผลงานศิลปะชุดที่ 2 ซึ่งพิจารณาถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มีการค้นพบในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้จากการค้นพบเอกสารใหม่ ๆ และการตีความ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาพวาดที่ชวนให้รำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตและมีความลึกลับที่สุดของเขา นอกจากนี้ การสืบสวนทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการบูรณะผลงานหลาย ๆ ชิ้นของบอตตีเชลลี ก็ได้ช่วยเพิ่มพูนความรู้ของเราเกี่ยวกับสไตล์การวาดภาพที่ละเอียดอ่อนและหลากหลายของเขา” คริสตินา แอซิดินี กล่าว “บอตตีเชลลีเป็นหนึ่งในผู้ที่ตีความด้านวัฒนธรรมที่เก่งกาจที่สุดในยุคของเขา ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในสังคมฟลอเรนซ์ที่เขาอาศัยอยู่ เริ่มต้นจากยุคของลอเรนโซผู้ยิ่งใหญ่ (Lorenzo the Magnificent) ในช่วงเวลาแห่งความสุขที่วัฒนธรรมกำลังเฟื่องฟู จากนั้นก็ยุคของจิโรลาโม ซาโวนาโรลา (Girolamo Savonarola) ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาหลายปีแห่งการปฏิรูปศาสนาที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ด้วยเหตุนี้ บอตตีเชลลีจึงกลายเป็น “สัญลักษณ์” ของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่เปี่ยมไปด้วยความรุ่งโรจน์และความสับสนวุ่นวาย”
หนังสือรวมผลงานศิลปะของบอตตีเชลลีได้เสริมเติมความเลอค่าให้กับซีรีส์ผลงานศิลปะอันทรงคุณค่าของเมนารินี กรุ๊ป ซึ่งถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2499 เพื่อเฉลิมฉลองให้กับความงดงามของอิตาลีผ่านจิตรกรระดับปรจารย์ชาวอิตาลี
“คอลเลกชันงานศิลปะของเมนารินีมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนศิลปินชาวอิตาลีผู้ยิ่งใหญ่ และแบ่งปันผลงานเหล่านี้กับคนรุ่นใหม่” ลูเซีย ( Lucia) และอัลเบร์โต จิโอวานนี อาเลโอตติ (Alberto Giovanni Aleotti) ผู้ถือหุ้นและสมาชิกคณะกรรมการบริหารของเมนารินี กล่าว “การค้นพบความสับสนวุ่นวายและความพิศวงเบื้องหลังภาพวาดที่โดดเด่นที่สุดของบอตตีเชลลีแสดงให้เห็นว่า ศิลปินผู้นี้มีความใกล้ชิดกับความรู้สึกร่วมสมัยในปัจจุบันมากเพียงใด”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การทำงานด้านศิลปะของเมนารินี กรุ๊ป ได้เติบโตและพัฒนาขึ้นด้วยโครงการมัลติมีเดียที่มีชื่อว่า ‘เมนารินี พิลส์ ออฟ อาร์ต’ (Menarini Pills of Art) คลิปวิดีโอเหล่านี้เป็นวิดีโอสั้น ๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญจะมาเปิดเผยเกร็ดประวัติและเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับผลงานหลายชิ้นที่ถูกนำเสนออยู่ในซีรีส์ผลงานศิลปะของเมนารินี จนถึงตอนนี้มีการเผยแพร่วิดีโอไปแล้วประมาณ 700 คลิป ซึ่งมียอดชมรวมกว่าหลายสิบล้านครั้ง คลิปวิดีโอเหล่านี้ได้รับการเผยแพร่อยู่ในช่องเมนารินี ยูทูบ (Menarini YouTube) ใน 8 ภาษาด้วยกัน พร้อมอัปเดตคอนเทนต์ใหม่ ๆ ทุกเดือน สำหรับวิดีโอเกี่ยวกับผลงานที่โด่งดังที่สุดของบอตตีเชลลีเพิ่งได้รับการเผยแพร่ไปเมื่อไม่นานมานี้ ร่วมกับวิดีโอที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับภาพเขียนการนมัสการของโหราจารย์ (Adoration of the Magi) ของเลโอนาร์โด (Leonardo) พระแม่มารีแห่งถ้ำ (Madonna delle Cave) ของมันเตญญา (Mantegna) และบาคคัส (Bacchus) ของคาราวัจโจ (Caravaggio)
รับชมคลิปวิดีโอของเมนารินี พิลส์ ออฟ อาร์ต ได้ที่ลิงก์: https://www.menarini.com/it-it/news/menarini-pills-of-art
เมนารินี ฟามาซูติคัลส์ กรุ๊ป ( Menarini Pharmaceutical Group) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองฟลอเรนซ์ มีสำนักงานกระจายตัวอยู่ใน 140 ประเทศทั่วโลก โดยมีผลประกอบการอยู่ที่ 4,155 ล้านยูโร และมีพนักงานมากกว่า 17,000 คน ด้วยศูนย์วิจัยและพัฒนา 9 แห่ง ผลิตภัณฑ์ของเมนารินีจึงครอบคลุมกลุ่มการรักษาโรคที่สำคัญที่สุด รวมถึงการรักษาโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคระบบทางเดินอาหาร โรคปอด โรคติดเชื้อ โรคเบาหวาน และผลิตภัณฑ์กลุ่มต้านการอักเสบ/บรรเทาปวด การผลิตยาของเมนารินีดำเนินการผ่านโรงงานผลิต 18 แห่งของกลุ่มบริษัท ซึ่งตั้งอยู่ในอิตาลีและในต่างประเทศ โดยมียอดการผลิตผลิตภัณฑ์รวมกว่า 577 ล้านชิ้นต่อปี และส่งออกไปจัดจำหน่ายใน 5 ทวีปทั่วโลก การผลิตยาของเมนารินีเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพสูงสุด และมีส่วนช่วยสนับสนุนสุขภาพของผู้ป่วยทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.menarini.com
รูปภาพ – https://mma.prnewswire.com/media/2076875/Menarini_group.jpg
รูปภาพ – https://mma.prnewswire.com/media/2076874/Menarini_presentation.jpg
โลโก้ – https://mma.prnewswire.com/media/1958938/4035543/MENARINI_GROUP_Logo.jpg