เก็บตัว เก็บตังผลสำรวจชี้คะแนนเรื่องความต้องการใช้จ่ายของคนไทยลดลงกว่า 5%

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, มิถุนายน 2566 — สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) เผยผลสำรวจเรื่องการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ.2566 ว่า หลังผ่านการเฉลิมฉลองฉลองช่วงต้นปีมาอย่างจัดเต็ม ส่งผลให้ภาพรวมการอยากใช้จ่ายของคนไทยในช่วงกลางปีลดลง และในปีนี้ประเทศไทยมีแนวโน้มอุณหภูมิสูงขึ้นเหมือนเช่นทุกๆ ปี ส่งผลให้หน้าร้อนปีนี้อากาศร้อนยิ่งกว่าเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคมองหาวิธีดับร้อนที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดจากผลสำรวจคือ หลายคนเลือกที่จะเก็บตัวอยู่บ้านหลบร้อน เซฟตัวเอง เซฟเงินในกระเป๋าที่ใช้จ่ายอย่างหนักหน่วงไปเมื่อเทศกาลต่างๆ ในต้นปีที่ผ่านมา

สถานการณ์ของคนไทยในปัจจุบันอ้างอิงจากผลสำรวจ สรุปได้ว่า แต่ละเพศมีการรับมือกับอากาศร้อนที่แตกต่างกัน เช่น ผู้หญิงในทุกวัยหันมาใส่ใจเรื่องผิวหน้าและกายมากขึ้น เนื่องจากผลกระทบจากรังสี UV ความร้อน และมลภาวะที่ทำให้ผิวแห้งและเกิดสิว ฝ้า กระ แต่ในผู้ชายส่วนใหญ่จะเลือกซื้อสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วยคลายร้อน เป็นต้น โดย

สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ได้แบ่งปันมุมมองใหม่ให้กับแบรนด์ เพื่อให้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์นี้ไว้ว่า

โควิดลดลง แต่การดูแลตัวเองต้องไปต่อ: Self-care is health care!
ในขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มลดลง แต่การดูแลสุขภาพของเราก็ยังคงต้องดำเนินต่อ ถึงแม้ว่าโควิดจะเบาลง แต่ยังมีสิ่งอื่นรอบตัวที่อาจส่งผลกระทบกับร่างกายโดยตรง อาทิ อากาศร้อน และ ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งในจุดนี้เอง แบรนด์สามารถส่งเสริมให้ผู้บริโภคไม่ละเลยที่จะดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอผ่านกิจกรรมที่ทำได้ง่ายและเร็วทั้งในเรื่องสุขภาพและความสวยงาม เช่น การเสนอให้มีการออกกำลังกายในร่มเพื่อหลีกเลี่ยงการพบเจอแสงแดด อากาศร้อน และฝุ่น จากภายนอกโดยตรง หรือนำเสนอไอเดียเรื่องการดูแลและปกป้องผิวพรรณจากความร้อน รังสี UV ที่อาจเข้ามากระทบผิวเราโดยตรงอีกทั้งยังต้องส่งเสริมเรื่องผิวต้องการความชุ่มชื่นจากน้ำอีกด้วย

แนะนำไอเดียอยู่บ้านหนีร้อนแบบสบายกระเป๋า: Inexpensive In-home Joy to beat heat
ปัจจุบันนี้คนไทยอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดและมีแนวโน้มที่จะร้อนขึ้นในทุกๆ ปี แบรนด์สามารถใช้โอกาสนี้ในการเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อช่วยสร้างความสุข สนุก สดชื่น ให้เกิดขึ้นภายในบ้านได้ โดยสามารถสร้างผ่านการแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์วิธีใหม่ เช่น แนะนำความสดชื่นรูปแบบใหม่ ที่เปลี่ยนเครื่องดื่มธรรมดาให้เป็นเป็นเมนูหวานเย็นได้ง่ายๆ เพื่อเพิ่มสีสันใหม่ๆ ในการรับประทาน หรือแบรนด์จะเน้นการทำโปรโมชั่นรูปแบบ Family Pack ในช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น เพื่อความสะดวก คุ้มค่า และสร้างโมเมนต์แห่งความสุขร่วมกันได้ภายในครอบครัว

เมื่อเจาะลึกลงในรายละเอียดของผลสำรวจประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ.2566 เผยให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของผลสำรวจใน 2 หัวข้อใหญ่ที่ทาง สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน ประเทศไทย ให้ข้อมูลไว้อ้างอิงนั่นก็คือ

แนวโน้มความต้องการในการใช้จ่ายลดลงกว่า 5% ส่งสัญญาณเตือนให้คนไทยต้องเซฟเงินในบัญชี
เมื่อเทียบกับผลสำรวจของเดือนกุมภาพันธ์และเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา ทำให้เห็นได้ชัดว่า คนไทยผ่านการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลและใช้เงินกันมาอย่างหนักหน่วง เนื่องจากปีนี้เองเป็นปีแรกในรอบ 3 ปี ที่คนไทยได้กลับมาเฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่โดยไม่กังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนมิถุนายนหรือกลางปี มีการส่งสัญญาณจากเงินในบัญชีว่าให้พักเรื่องการใช้จ่าย ซึ่งส่งผลโดยตรงกับคะแนนความต้องการใช้จ่ายในภาพรวมที่ลดลง อีกหนึ่งผลกระทบที่ทำให้ใครหลายคนต้องเซฟเงินในบัญชีคือเรื่องสินค้าราคาแพงและค่าไฟในช่วงนี้สูงขึ้นกว่าหลายๆ เดือนที่ผ่านมา

กระแสโควิดซาลง แต่อากาศร้อนและปัญหาฝุ่นยังคงอยู่ ต้องดูแลสุขภาพกันต่อไป
เนื่องจากสถานการณ์โควิดมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทำให้คนไทยหลายคนเริ่มละเลยเรื่องการใส่ใจสุขภาพของตนเอง คนไทยบางส่วนเลิกทำกิจกรรมเพื่อสุขภาพนอกบ้าน เช่น การเดิน วิ่ง จ๊อกกิ๊ง ยังรวมไปถึงการเลิกทานวิตามินซีหรือเลิกทานผลิตภัณฑ์เสริมเพื่อสุขภาพ ซึ่งอย่างไรก็ตามการดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัวยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากปัญหาฝุ่นที่ยังคงอยู่ สภาพอากาศที่ร้อนจัดและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อาจส่งกระทบต่อสุขภาพของคนไทยได้ แบรนด์ควรแนะหรือนำเสนอทางออกที่ดีต่อสุขภาพที่สามารถทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน เช่น การทานผักและผลไม้ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รวมไปถึงการดื่มน้ำให้เพียงพอในหนึ่งวัน เพียงเท่านี้ก็จะสามารถสร้างเสริมให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีไปด้วยกัน

ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ผลสำรวจเรื่องแนวโน้มความต้องการใช้จ่ายมีเปอร์เซ็นต์ลดลง แต่ในขณะเดียวกันมีความน่าสนใจว่าผู้ให้สำรวจในกลุ่มอายุ 20 – 29 ปี หันมาเน้นจับจ่ายใช้สอยเพื่อเตรียมตัวต้อนรับเปิดเทอมเตรียมซื้อของใหม่เข้าหอ ซื้อสินค้าอัพลุคใหม่ให้เป๊ะ ปัง ต้อนรับการเปิดเทอมแบบ On-site อย่างเต็มรูปแบบ

คุณพร้อมพร สุภัทรวณิช ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยการตลาดและวางแผนกลยุทธ์ ได้พูดถึงข่าวที่คนไทยให้ความสนใจมากในขณะนี้ไว้ว่า “ข่าวการเมืองและการเลือกตั้งยึดพื้นที่สื่อแทบจะทั้งหมด คนไทยทั่วประเทศออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงกันตามกฏหมายอย่างเนืองแน่น ถือเป็นสัญญาณที่ทำให้เห็นว่า คนไทยตระหนักเรื่องการเมืองเป็นสำคัญ อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งในครั้งนี้ จึงต้องมารอลุ้นผลกันต่อไปว่า ท้ายที่สุดแล้วทิศทางของประเทศไทยในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง”

####
เกี่ยวกับสถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย)
สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) ทำการศึกษาเกี่ยวกับ “การคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทย” ทุก ๆ สองเดือน โดยผลสำรวจการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566 เป็นผลสำรวจจากการรวบรวมข้อมูลจากวันที่ 18 ถึง วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2566 โดยมุ่งเน้นเกี่ยวกับแนวโน้มและพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยในอนาคต ผ่านการทำแบบสอบถามเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ จากประชากรเพศชายและหญิงจำนวน 1,200 คน อายุระหว่าง 20-59 ปี จาก 6 ภูมิภาค ทั่วประเทศ
Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN คือศูนย์วิจัยแห่งใหม่ของกลุ่มฮาคูโฮโดในภูมิภาคอาเซียน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2014 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ภายในประเทศสมาชิกภูมิภาคอาเซียนในเรื่องของข้อมูลการตลาด รวมทั้งสังเกตไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยการวิจัยของฮาคูโฮโดจะเป็นการวิจัยที่มุ่งเน้นการศึกษา Sei-katsu-sha หรือ ผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคม (Life Living Person) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของปรัชญาของฮาคูโฮโด ที่ไม่เพียงแค่อธิบายผู้คนในฐานะผู้บริโภคที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่อธิบายถึงความเป็นบุคคลของผู้บริโภคที่มีชีวิต จิตใจ ไลฟ์สไตล์ แรงบันดาลใจ และความฝันที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
ติดตามผลสำรวจเพิ่มเติมได้ที่
Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND)
https://www.facebook.com/hakuhodohillasean

หากสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ มิดัส คอมมิวนิเคชั่น อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด
ลลิตภัทร โปทาวี lalipat@midas-pr.com โทร. 089 202 0626