รายรับประจำไตรมาสแตะ 1.131 แสนล้านหยวน ทะลุ 1 แสนล้านหยวนเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่สร้างรายรับจากการดำเนินงานเป็นบวกเป็นครั้งแรก

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 20 พฤศจิกายน 2568 – เสียวหมี่ คอร์เปอเรชัน (“เสียวหมี่ [Xiaomi]” หรือ “กลุ่มธุรกิจ Group]”; Stock Code:1810) บริษัทด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะด้วยการเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) ประกาศผลการดำเนินงานไม่สอบทานสำหรับสามเดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 (“ไตรมาส 3 ปี 2568” หรือ “ช่วงเวลาดังกล่าว”) ผลประกอบการไตรมาสที่สามของกลุ่มบริษัทยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รายรับรวมในไตรมาสที่สามอยู่ที่ 1.131 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 22.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า นับเป็นไตรมาสที่สี่ติดต่อกันที่รายรับทะลุ 1 แสนล้านหยวน โดยมีกำไรสุทธิที่ปรับแล้วอยู่ที่ 11.3 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 80.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เป็นอย่างมากและทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รายรับรวมในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 3.404 แสนล้านหยวน ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับทั้งปีของปีที่แล้ว และกำไรสุทธิที่ปรับแล้วอยู่ที่ 32.8 พันล้านหยวน ซึ่งสูงกว่ายอดรวมของปีที่แล้ว
ทุกกลุ่มธุรกิจของเสียวหมี่ภายใต้การดำเนินงานตามกลยุทธ์องค์กร “Human x Car x Home” ได้สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (“EV”), AI และโครงการริเริ่มใหม่อื่นๆ ประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่สาม โดยมีรายรับจากการดำเนินงานเป็นบวกเป็นครั้งแรก รายรับจากกลุ่มธุรกิจนี้อยู่ที่ 29.0 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นกว่า 199% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้รายรับจากธุรกิจสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 46.0 พันล้านหยวน และยังคงสามารถรักษาอันดับหนึ่งในสามในการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกติดต่อกันได้เป็นไตรมาสที่ 21 ติดต่อกัน รายรับจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์อยู่ที่ 27.6 พันล้านหยวน และจำนวนอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม AIoT ของเสียวหมี่นั้นเกิน 1.0 พันล้านเครื่อง ในขณะที่รายรับจากบริการอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 9.4 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 10.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งทำสถิติใหม่สูงสุด โดยผลประกอบการอันแข็งแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจนั้นแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการดำเนินงานอันยอดเยี่ยมของกลุ่มบริษัท
การเติบโตของสินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมียม (premiumization) ของเสียวหมี่ในทุกหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์กำลังพุ่งทะยานสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ Xiaomi YU7 ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้และถูกขนานนามให้เป็น “รถ SUV สุดหรูสมรรถนะสูง” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางและยังสามารถครองอันดับ 1 ในด้านยอดขายในกลุ่มของรถยนต์ SUV ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ติดต่อกันถึงสามเดือน ยิ่งไปกว่านั้นในเดือนตุลาคมเสียวหมี่ยังครองตำแหน่งรถยนต์ SUV ที่ขายดีที่สุดในทุกหมวดหมู่ในจีนแผ่นดินใหญ่อีกด้วย ในขณะที่สมาร์ทโฟนเรือธงระดับพรีเมียมของเสียวหมี่อย่าง Xiaomi 17 ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเช่นกัน และในช่วงเทศกาล 11.11 สมาร์ทโฟน Xiaomi 17 Pro Max ยังครองแชมป์ทั้งยอดขายและยอดรายรับจากการขายสมาร์ทโฟนภายในประเทศที่มีราคาสูงกว่า 6,000 หยวนบนทุกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในจีนแผ่นดินใหญ่ และกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมในตลาดพรีเมียมอีกด้วย
ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่มีรายรับประจำไตรมาสเป็นบวกจากการดำเนินงานเป็นครั้งแรก โดยมียอดส่งมอบรายไตรมาสทะลุ 100,000 คัน
กลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ, AI และโครงการริเริ่มใหม่อื่นๆ ของเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีรายรับอยู่ที่ 29.0 พันล้านหยวนในไตรมาสที่สาม โดยกลุ่มธุรกิจนี้มีรายรับจากการดำเนินงานเป็นบวกเป็นครั้งแรกอยู่ที่ 0.7 พันล้านหยวน ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีของการพัฒนาที่ยั่งยืนและแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต
ในไตรมาสที่สาม ยอดการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดส่งมอบรถยนต์รายไตรมาสทะลุ 100,000 คัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 108,796 คัน ซึ่งในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ยอดการส่งมอบสะสมของรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่นั้นเกิน 260,000 คัน ทั้งนี้กลุ่มบริษัทยังคงขยายเครือข่ายการขายและบริการอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 เสียวหมี่ได้เปิดศูนย์การขายรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะไปแล้วกว่า 402 แห่งใน 119 เมืองทั่วจีนแผ่นดินใหญ่
ธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างมั่นคง โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้น 5.6 จุดเปอร์เซ็นต์
ในไตรมาสที่สามธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ยังคงมีผลประกอบการที่มั่นคง โดยมีรายรับสูงถึง 46.0 พันล้านหยวน การจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกอยู่ที่ 43.3 ล้านเครื่องซึ่งเติบโตจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็นเวลา 9 ไตรมาสติดต่อกัน ตามรายงานของ Omdia เสียวหมี่มีส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกในด้านการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วอยู่ที่ 13.6% ในไตรมาสที่สามของปี 2568 และครองอันดับหนึ่งในสามของแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำทั่วโลกเป็นไตรมาสที่ 21 ติดต่อกัน สมาร์ทโฟนเสียวหมี่ติดอันดับหนึ่งในสามใน 57 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ในจีนแผ่นดินใหญ่เสียวหมี่ครองอันดับ 2 ในด้านยอดขายสมาร์ทโฟน ด้วยส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 16.7% ซึ่งสามารถครองอันดับหนึ่งในสองเป็นเวลา 6 ไตรมาสติดต่อกัน
กลยุทธ์สินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมียม (premiumization) ของกลุ่มบริษัทประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด ตามข้อมูลของบุคคลที่สาม (third-party data) สมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ที่มีราคาขายระหว่าง 4,000-6,000 หยวนในจีนแผ่นดินใหญ่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 18.9% ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.6 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ความสามารถในการแข่งขันของเสียวหมี่ในตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนเรือธงระดับพรีเมียมอย่าง Xiaomi 17 Series ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้ทำผลงานไว้อย่างยอดเยี่ยม โดยมียอดขายในเดือนแรกเพิ่มขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับ Xiaomi 15 Series จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งสมาร์ทโฟน Xiaomi 17 Pro และ Xiaomi 17 Pro Max นั้นสามารถทำยอดขายได้กว่า 80% ของยอดขายทั้งหมดซึ่งช่วยปรับปรุงโครงสร้างของผลิตภัณฑ์ให้ดีมากยิ่งขึ้น
จำนวนอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม AIoT ของเสียวหมี่มียอดเกิน 1 พันล้านเครื่อง และโรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะภายในบ้านแห่งแรกได้เริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการ
กลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ของกลุ่มบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายรับอยู่ที่ 27.6 พันล้านหยวนในไตรมาสที่สาม เพิ่มขึ้น 5.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 3.2 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็น 23.9% ในเดือนตุลาคมของปีนี้ เสียวหมี่ได้เริ่มดำเนินการโรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะภายในบ้านแห่งแรกอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นการก่อตั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่ครบวงจรของกลุ่มบริษัทที่ครอบคลุมทั้งการออกแบบ การวิจัยและพัฒนา การผลิต และการตรวจสอบสำหรับธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดใหญ่ โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตสูงสุดที่ถูกออกแบบไว้สำหรับการผลิตเครื่องปรับอากาศได้ 7 ล้านเครื่องต่อปีและยังสามารถรองรับธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านระดับพรีเมียมของกลุ่มบริษัทได้อย่างเต็มที่อีกด้วย
ในช่วงเวลาดังกล่าว เสียวหมี่ยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์แท็บเล็ตอย่างต่อเนื่อง ตามรายงานของ Omdia แท็บเล็ตของเสียวหมี่ติดอันดับหนึ่งในห้าของยอดจัดส่งทั่วโลก และติดอันดับหนึ่งในสามของยอดจัดส่งในจีนแผ่นดินใหญ่ อุปกรณ์สวมใส่แบบแบนด์ของเสียวหมี่ยังคงสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำเอาไว้ได้ โดยมียอดจัดส่งเป็นอันดับ 1 ของโลก และอันดับ 2 ในจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนยอดจัดส่งหูฟัง TWS อยู่ในอันดับที่ 2 ของโลกและอันดับที่ 1 ในจีนแผ่นดินใหญ่
ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 จำนวนอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อ (ไม่รวมสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อป) บนแพลตฟอร์ม AIoT ของเสียวหมี่เพิ่มขึ้นเป็น 1,035.5 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 20.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยจำนวนผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์ 5 เครื่องขึ้นไปที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม AIoT ของเสียวหมี่ (ไม่รวมสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อป) นั้นแตะ 21.6 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นเป็น 26.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ในเดือนกันยายน 2568 ยอดผู้ใช้บริการรายเดือน (MAU) ของแอป Xiaomi Home เพิ่มขึ้นเป็น 114.6 ล้าน เพิ่มขึ้น 14.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
รายรับจากบริการอินเทอร์เน็ตพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมียอดผู้ใช้บริการรายเดือน (MAU) ทั่วโลกเกิน 740 ล้านคน
กลุ่มบริการทางอินเทอร์เน็ตยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายรับอยู่ที่ 9.4 พันล้านหยวนในไตรมาสที่สาม เพิ่มขึ้น 10.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มธุรกิจยังอยู่ในระดับสูงที่ 76.9% และรายรับจากบริการอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศของเสียวหมี่อยู่ที่ 3.3 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 19.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ฐานผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้ใช้บริการรายเดือน (MAU) ทั่วโลกและในจีนแผ่นดินใหญ่ได้สร้างสถิติใหม่ โดยในเดือนกันยายน 2568 จำนวนผู้ใช้บริการรายเดือน (MAU) ทั่วโลกแตะ 741.7 ล้านราย เพิ่มขึ้น 8.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ยอดผู้ใช้บริการรายเดือน (MAU) ในจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ที่ 187.3 ล้านราย เพิ่มขึ้น 11.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
มุ่งมั่นในการลงทุนในเทคโนโลยีหลักพื้นฐานด้วยการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนารายไตรมาสที่สูงสุดเท่าที่เคยมีมาที่ 9.1 พันล้านหยวน
เสียวหมี่ยังคงเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาในเทคโนโลยีหลักพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาในไตรมาสที่สามอยู่ที่ 9.1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 52.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ค่าใช้จ่ายรวมในด้านการวิจัยและพัฒนาในสามไตรมาสแรกอยู่ที่ 23.5 พันล้านหยวน และกลุ่มบริษัทคาดการณ์ว่าการลงทุนรวมด้านการวิจัยและพัฒนาในปี 2568 จะสูงกว่า 30.0 พันล้านหยวน ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 บุคลากรด้านงานวิจัยและพัฒนาของเสียวหมี่นั้นมีจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 24,871 คน
เสียวหมี่ประสบความสำเร็จในการสร้างความก้าวหน้าอย่างยิ่งยวดในด้านโมเดลขนาดใหญ่ของ AI ในเดือนกันยายนบริษัทได้เปิดตัว Xiaomi-MiMo-Audio ซึ่งเป็นโมเดลเสียงขนาดใหญ่แบบโอเพนซอร์ส ซึ่งได้สร้างระบบนิเวศเชิงกลยุทธ์แบบองค์รวมที่ครอบคลุมรูปแบบหลักของโมเดลพื้นฐาน และในเดือนพฤศจิกายนเสียวหมี่ได้เปิดตัวโซลูชันบ้านอัจฉริยะแห่งอนาคต Xiaomi Miloco ซึ่งถือเป็นความพยายามครั้งแรกของอุตสาหกรรมในการสำรวจการใช้ชีวิตในบ้านอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีโมเดลขนาดใหญ่ และพลิกโฉมประสบการณ์การปฏิสัมพันธ์กับบ้านอัจฉริยะ ในขณะเดียวกัน เสียวหมี่ยังได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ Xiaomi HyperOS 3 อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์พื้นฐาน ฟังก์ชันการทำงาน และความสามารถของ AI อย่างครอบคลุม ระบบปฏิบัติการใหม่นี้มอบการสนับสนุนทางเทคโนโลยีที่ดีขึ้นสำหรับสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ และผลิตภัณฑ์ระบบนิเวศของบริษัท การเปิดตัวโรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะภายในบ้าน ถือเป็นการเติมเต็มความสำเร็จด้านการผลิตอัจฉริยะของเสียวหมี่โดยเสริมสร้างขีดความสามารถในการผลิตสมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะภายในบ้าน พร้อมทั้งยังตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้อีกด้วย
###
เกี่ยวกับเสียวหมี่
เสียวหมี่ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2553 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Main Board of the Hong Kong Stock Exchange ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 (1810.HK) เสียวหมี่เป็นบริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะที่มีสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อด้วยแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เป็นแกนหลัก
ด้วยวิสัยทัศน์ “การเป็นมิตรของผู้ใช้งานและบริษัทที่ทันสมัยที่สุดในใจผู้ใช้งานทุกคน” เสียวหมี่จึงมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะพัฒนานวัตกรรม ประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยม ตลอดจนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะไม่ลดละการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในราคาที่เป็นมิตร เพื่อให้ทุกคนบนโลกนี้สามารถเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้
เสียวหมี่คือหนึ่งในบริษัทสมาร์ทโฟนชั้นนำของโลก ในเดือนกันยายน 2568 ยอดผู้ใช้บริการรายเดือน (MAU) ทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 741.7 ล้านรายรวมสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต นอกจากนี้เสียวหมี่ยังเป็นผู้นำด้านการก่อตั้งแพลทฟอร์ม AIoT (AI+IoT) ของโลกโดยมีสินค้าอัจฉริยะเชื่อมต่อกับแพลทฟอร์มกว่า 1,035.5 ล้านเครื่อง ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 โดยยังไม่รวมสมาร์ทโฟน แล็ปท็อปและแท็บเล็ต ในเดือนตุลาคม 2566 เสียวหมี่ได้อัปเกรดกลยุทธ์เป็นระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human × Car × Home” ที่ผสานเอาอุปกรณ์ส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮม และรถยนต์เข้าไว้ด้วยกันไว้อย่างลงตัว เสียวหมี่ให้ความสำคัญกับมนุษย์อยู่เสมอ และมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ครอบคลุมและดียิ่งขึ้น ผลิตภัณฑ์ของเสียวหมี่มีวางจำหน่ายกว่า 100 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และในเดือนกรกฎาคม 2568 เสียวหมี่ยังติดอันดับใน Fortune Global 500 นับเป็นการติดอันดับเป็นปีที่เจ็ดติดต่อกัน โดยอยู่ในลำดับที่ 297
เสียวหมี่เป็นส่วนหนึ่งของ Hang Seng Index, Hang Seng China Enterprises Index, Hang Seng TECH Index และ Hang Seng China 50 Index.
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเสียวหมี่ สามารถเข้าชมได้ที่ https://www.mi.com/global/discover/newsroom
