จากการเข้ามาของยุค 5G ทำให้เทรนด์การถ่ายวิดีโอเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเทรนด์นี้ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ยุค 4G แต่ด้วยความเร็วแรงที่เพิ่มมากขึ้นในยุค 5G ทำให้เทรนด์นี้ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง เพราะทำให้การเข้าชม ดาวน์โหลด และอัปโหลดวิดีโอเป็นเรื่องง่าย รวมถึงสื่อต่างๆ ที่มีความหลากหลาย เริ่มสร้างรูปแบบการสื่อสารและถ่ายทอดผ่านวิดีโอมากขึ้น ทำให้ยุค 5G ถูกขนานนามว่าเป็นยุคของวิดีโอเลยทีเดียว ดังนั้น ประสบการณ์ด้านการถ่ายวิดีโอในสมาร์ทโฟน จึงได้กลายมาเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนในปัจจุบันและอนาคตอีกด้วย
ดังนั้น เพื่อมอบประสบการณ์ด้านวิดีโอที่เหนือว่า OPPO จึงได้พัฒนาระบบการถ่ายวิดีโอขั้นสูงด้วย OPPO Full Dimension Fusion (FDF) Portrait Video System ที่จะมีอยู่ใน OPPO Reno5 Series 5G รุ่นใหม่ล่าสุด ที่พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในการสร้างสรรค์วิดีโอที่หลากหลายในทุกสถานการณ์ อีกทั้งช่วยให้ผู้ใช้ได้บันทึกทุกช่วงเวลาที่มีความสุขในชีวิตได้ด้วยวิธีง่ายๆ ผ่านการถ่ายวิดีโอที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ
OPPO Full Dimension Fusion Portrait Video System สร้างวิดีโอ Portrait ที่สวยคมชัด สะกดทุกมุมมอง
ด้วยประสบการณ์ด้านการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนมาอย่างยาวนาน OPPO เชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดในการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค คือ การรวมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่สมบูรณ์แบบเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ OPPO Full Dimension Fusion Portrait Video System ของ OPPO ทำงานบนพื้นฐานฮาร์ดแวร์ด้านการถ่ายภาพและวิดีโอระดับท็อปควบคู่ไปกับซอฟต์แวร์อัจฉริยะ โดยประกอบไปด้วย Quality Enhancement Engine ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจับภาพที่คมชัดได้ในทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวัน กลางคืน หรือแม้กระทั่งในขณะที่วัตถุมีการเคลื่อนไหวก็ตาม และ Portrait Perception Engine ที่ช่วยให้บุคคลและพื้นหลังในวิดีโอมีความคมชัดและเป็นธรรมชาติ พร้อมให้ผู้ใช้สามารถใช้เอฟเฟกต์ในวิดีโอ Portrait ได้อีกด้วย
Quality Enhancement Engine สวย คมชัด ทุกที่ ทุกเวลา
Quality Enhancement Engine คือชุดอัลกอริทึมที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพวิดีโอที่มีคุณภาพได้ในทุกสถานการณ์ เช่น AI Highlight Video ที่รวมเอาอัลกอริทึมอัจฉริยะอย่าง Ultra Night Video และอัลกอริทึม Live HDR เข้าไว้ด้วยกันเป็นครั้งแรกของ OPPO ด้วยการตรวจวัดระดับแสงของฉากมาปรับความสว่าง สี และความชัดเจนในวิดีโอให้เหมาะสมที่สุด ซึ่งมีอยู่ในทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังของ OPPO Reno5 series 5G เพียงผู้ใช้กดปุ่มเพียงปุ่มเดียวก็สามารถเริ่มถ่ายวิดีโอที่คมชัด สมจริงและสวยอย่างเป็นธรรมชาติได้แล้ว นอกจากนี้ ใน Quality Enhancement Engine ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีป้องกันภาพสั่นไหวรุ่นใหม่ของ OPPO นั่นคือ Ultra Steady Video 3.0 ซึ่งมีความสามารถในการป้องกันภาพสั่นไหวในช่วงของวิดีโอที่กว้างขึ้น ไม่ว่าจะกำลังวิ่ง กระโดด หรือแม้แต่เล่นกีฬาต่างๆ
Portrait Perception Engine สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์กับความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด
แน่นอนว่าการสร้างวิดีโอคุณภาพสูงนั้นเป็นมากกว่าแค่วิดีโอที่คมชัดเพียงอย่างเดียว เพราะต้องให้ผู้ใช้สามารถถ่ายวิดีโอได้อย่างโดดเด่นด้วยสไตล์และบุคลิกที่แตกต่างกัน ดังนั้น ในการตอบโจทย์เรื่องนี้ OPPO ได้เตรียมฟีเจอร์ที่พร้อมเผยความเป็นตัวตนของทุกคนออกมา ได้แก่ AI Mixed Portrait, AI Color Portrait และ Monochrome Video ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเรื่องราวที่มีความหมายได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ อัลกอริทึม Portrait Perception Engine ยังคงสามารถระบุคุณสมบัติเฉพาะและจดจำใบหน้าของแต่ละบุคคลได้อย่างแม่นยำ และยังสามารถตรวจจับและติดตามการเคลื่อนไหวของมนุษย์ในวิดีโอได้อีกด้วย ทำให้สามารถแบ่งแยกตัวบุคคล ออกจากภาพพื้นหลังของวิดีโอที่มีความซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ ด้วยเทคนิคนี้ ทำให้เอฟเฟกต์อย่าง AI Mixed Video หรือ AI Color Portrait สามารถเปลี่ยนตำแหน่งของบุคคลและพื้นหลังภายในวิดีโอได้อย่างราบรื่นและเป็นธรรมชาติ
ตั้งแต่เริ่มต้นจนมาถึง OPPO Reno5 Series 5G ผู้ใช้ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอันทรงพลังของ OPPO ในด้านการถ่ายวิดีโอ การตัดต่อ หรือแชร์วิดีโอที่มีความซับซ้อน ด้วยวิธีการที่เรียบง่ายผ่านการสร้างเรื่องราวของตนเองออกมา และนี่คือจุดแข็งของ OPPO ที่ว่า ไม่ได้มีเพียงแค่ความสามารถในการพัฒนาอัลกอริทึมและเทคนิคการประมวลผลของตัวเองเท่านั้น แต่ยังสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ โดยท้ายที่สุดแล้วความเชื่อของ OPPO คือ การให้ความยุ่งยากซับซ้อนมาอยู่ที่ตนเอง เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดสู่ผู้ใช้เสมอ
การสำรวจนวัตกรรมด้านการถ่ายภาพ
เป็นเวลาหลายปีที่ OPPO ทุ่มเททรัพยากรที่สำคัญ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพและวิดีโอที่ดีที่สุดในสมาร์ทโฟน ซึ่ง OPPO มีทีมวิจัยและพัฒนาด้านภาพขั้นสูงทั่วโลกถึง 5 ทีม ทั้งใน Yokohama, Silicon Valley, Shanghai, Shenzhen และ Chengdu ซึ่งทีมเหล่านี้ทำงานเพื่อค้นหาวิธีการถ่ายภาพที่ทันสมัยที่สุด ทำให้ OPPO ได้สร้างความสำเร็จที่สำคัญในอุตสาหกรรมนี้ไปเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา โดย OPPO ได้ยื่นขอสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพมากถึง 7,300 ฉบับทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนั้นได้รับการอนุญาตแล้วทั้งสิ้น 2,350 ฉบับ
ความคิดที่จะก้าวไปข้างหน้าเปรียบดั่งภาพรวมของเทคโนโลยีในอนาคต ทำให้ OPPO ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในงานประกาศผลรางวัล CVPR ประจำปีนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นงานประกาศรางวัลด้านอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดแห่งปี อีกทั้งยังได้รับรางวัลอันดับ 1 ในการแข่งขัน “Perceptual Extreme Super-Resolution challenge” และ“ Visual localization for handheld devices challenge” รวมถึงได้รางวัลอันดับ 3 ในการแข่งขัน “Activity detection in extended videos” อีกด้วย
โดยในอนาคตอันใกล้นี้ OPPO จะยังคงทำการสำรวจและวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำนวัตกรรมเหล่านี้มาสู่กล้องในสมาร์ทโฟน และพร้อมมอบประสบการณ์ด้านวิดีโอที่ง่ายและเหนือกว่าให้กับผู้ใช้ในยุค 5G แล้วพบกันกับเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพและวิดีโออันล้ำสมัย ในงานเปิดตัว OPPO Reno5 Series 5G ในรูปแบบออนไลน์ผ่านทาง Facebook, YouTube และ Line Official ของ OPPO Thailand ในวันที่ 26 มกราคมนี้ ตั้งแต่เวลา 19.00 เป็นต้นไป
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/oppothai
#OPPOReno5Series5G