‘Prince of Eurasia’ ภาพยนตร์สารคดีโลกที่ผสานวัฒนธรรมตะวันออกกับตะวันตก อำนวยการผลิตโดยนักบวชอิสลาม“ท่านอิสลามมีร์ซา” หรือ “ซัยยิดพี่โอ๊ค”

77dfb486 22ae 4ae1 a269 c032458f876c

สำหรับคนที่ติดตามหนังต่างประเทศ สไตล์อินดี้สากล nonfiction ที่ไม่ใช่แนวนิยาย แต่สร้างจากเรื่องจริง ก็อาจทราบดีว่าล่าสุดมีข่าวเกี่ยวกับหนังที่ไม่ธรรมดาออกมา หนังสารคดีที่รวบรวมข้อมูลความจริงจากภาพยนตร์และคำสอนทางเทวศาสตร์ โดย “ท่านอิสลามมีร์ซา ยูเรเชีย” นักบวชอิสลามเจ้าของฉายา “Papa Eurasia” (ท่านพ่อ-ป๊าป๋ายูเรเซีย) หรือ “Prince Oak Oakleyski” ได้ร่วมมือกับทีมนักวิชาการระดับโลก ทำตำราสารคดีต้นฉบับ ต้นตำรับ “Prince of Eurasia” กับผู้เชี่ยวชาญด้านการแปลภาษาต่างๆ มีสาระเกี่ยวข้องกับศาสนศาสตร์คำบัญญัติอาเทศที่ถูกเทศน์โดยปรมาจารย์ศาสนา อย่างที่หลายคนเรียกว่า “อุลามาอฺ” ศาสนนาม “ซัยยิดพี่โอ๊ค” สอนภาษาอังกฤษกับศาสนา เทศนาสัจธรรมผ่านภาพยนตร์สารคดีเชิงเทววิทยาและภววิทยา “Prince of Eurasia: Monotheism and Devils” แถมความรู้เกี่ยวกับมานุษยวิทยาด้วย ทีแรกกำหนดฉายรอบปฐมทัศน์ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่สุดท้ายทีมงานโปรดักชั่นทีวียูเรเซียขอเลื่อนเพราะขั้นตอน editing ใช้เวลานาน

5e65e2e8 bcad 4869 8c14 ca9ba95a1e61

หนังสารคดีนี้นำเสนอการผสมผสานอันน่าทึ่งระหว่างเรื่องราวชีวิต ประวัติศาสตร์ และแนวคิดปรัชญาที่เชื่อมโยงตะวันออกกับตะวันตก ด้วยมุมมองที่แปลกใหม่และน่าสนใจ มีการนำเสนอมุมมองเชิงวัฒนธรรมและปรัชญาที่ไม่เคยมีการกล่าวถึงมาก่อน ที่น่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับผู้คนชาวเอเชีย คือการนำเสนอมุมมองที่แสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องระหว่างหลักธรรมในพุทธศาสนาและแนวคิดของอิสลามสาย “ซุนนีซูฟี” ในแบบของศาสนสำนักอิสลามมีร์ซา ยูเรเชีย ซึ่งมีการยกย่องและอ้างอิงถึงสัจธรรมในพระพุทธศาสนาอย่างให้เกียรติ เป็นการช่วยสร้างสะพานเชื่อมความเข้าใจระหว่างศาสนาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในสังคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปัจจุบัน แถมยังมีชีวประวัติที่น่าอัศจรรย์ของนักบวชอิสลามลึกลับ ท่านอิสลามมีร์ซาเป็นนักบวชซุนนีซูฟีย์ที่ไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนออกสื่อและไม่เล่นโซเชียลมีเดียเพราะท่านเป็นคนประเภทหัวโบราณ พี่โอ๊คลี่มีความมหัศจรรย์ที่เป็นนักบุญอิสลามผู้วิเศษ ‘Awliya’ ยุคสุดท้าย ทายาทศาสดาแท้ๆ พันธุกรรมฟีโนไทป์และจิตวิญญาณของท่านอิสลามมีร์ซาสืบเชื้อสายโดยตรงจากท่านศาสดามูฮัมหมัด และ “อัล-คิดรฺ” ศาสดาผู้ลึกลับที่ลือกันว่าเป็นอมตะซึ่งยังมีชีวิตอยู่ในโลก ที่หลายคนสันนิษฐานว่าท่านศาสนาฅิดร์เกิดตั้งแต่ยุคสมัยอียิปต์โบราณ เกิดก่อนศาสนาฮินดู และก่อนยุค ‘ราชาปราชญ์’ หรือกรีกโบราณด้วย ท่านศาสดาคิดร์มีสมญานามตำแหน่งขั้น ‘al-Ghawth’ คือนักบุญผู้วิเศษขั้นสูงสุดผู้ซึ่งได้รับพรอันยิ่งใหญ่จากพระเจ้า แน่นอนว่า ท่านศาสดาผู้ลึกลับท่านนี้ ผู้มีชื่อเสียงเรียงนามว่า “Khir” มีตัวตนอยู่จริง ไม่ใช่แค่การตั้งสมมติฐาน ไม่ใช่เรื่องสมมุติ แต่แค่ไม่ทราบวันเดือนปีเกิดที่ชัดเจน

77dfb486 22ae 4ae1 a269 c032458f876c

ภาพยนตร์ได้ถูกทำเป็นหนังสือรูปเล่มโดดเด่นด้วยการนำเสนอเรื่องราวอันลึกซึ้ง ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก ผ่านมุมมองที่แปลกใหม่ ผู้ชมและผู้อ่านจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประเพณี ความเชื่อ และภูมิปัญญาโบราณที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมยูเรเซียในปัจจุบัน การเล่าเรื่องผ่านประสบการณ์ “เจ้าชายแห่งหนทางศาสนา” หรือ “เจ้าชายโอ๊ค” และการวิเคราะห์ด้วยอภิปรัชญา ทำให้สารคดีท่านไม่ใช่แค่งานศิลป์ทั่วไป ท่านผู้ชมจะได้รับทั้งความบันเทิงกับความรู้ในแง่มุมศิลปวัฒนธรรมกับประวัติศาสตร์ที่หาดูได้ยาก ที่สำคัญ สารคดีได้นำเสนอจุดร่วมทางปรัชญาระหว่างพุทธศาสนาและอิสลาม โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับการแสวงหาสัจธรรม การพัฒนาจิตวิญญาณ กับการใช้จิตเข้าถึงความสงบภายใน ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจในบริบทสังคมเอเชียที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม นำเสนอให้เห็นว่า บรรดานักบวชและหลักธรรมคำสอนของแต่ละศาสนาก็มีความสอดคล้องกันในหลายมิติ รวมไปถึงมิติที่มีสิ่งลี้ลับแฝงอยู่ในภาพยนตร์ อาทิ เหล่าภูตผีปีศาจ พวกญิน รวมทั้ง ‘กอรีน’ ที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า มันเป็นสิ่งชีวิตที่ซ่อนเร้นในโลกอีกมิติที่ควบคู่ขนานกับโลกมายามิติกายภาพ

2f14e7ad cf01 42db 9d5f 18a1b610dfef

สารคดีมีการเทศนาสัจธรรมโดย “นักบวชอิสลาม” แนวทางซุนนีซูฟี คือท่านพี่โอ๊คลี่ ได้ทำการฟัตวา อิสลามมีนักบวชที่แตกต่างจากศาสนาอื่น ซีนที่มีความรู้ที่ไฮไลท์ เช่นคำเทศนาของท่านพี่โอ๊คลี่ เรื่องแนวทางซูฟีตอรีกัต มีใจความว่าดังนี้ “ซูฟีไม่ใช่นิกาย ซูฟีมีรากศัพท์ดั้งเดิมที่หมายถึงมุสลิมผู้ใส่ผ้าขนสัตว์ในยุคโบราณ ถ้าความหมายบริบทความเป็นจริงปัจจุบันก็หมายถึงมุสลิมที่สามารถปฏิบัติธรรมโดยใช้ญาณ ‘Tasawwuf’ (การทำสมาธิในอิสลาม) อย่างธรรมชาติ ‘นักบวชอิสลาม’ มีรากฐานความเป็นซูฟียฺ การบวชอิสลามที่แท้จริงไม่ใช่แค่การบวชถือศีลอดอาหาร ถ้าจะแปลคำว่า ‘ถือศีลอด’ ให้กลายเป็นคำว่า ‘บวช’ ก็ควรจะคิดดูใหม่ ผู้อื่นที่อดอาหารเพื่อลดน้ำหนักก็อาจพิจารณาตัวเองเป็น ‘นักถือศีลอด’ ส่วนมุสลิมที่สามารถผ่านการถือศีลอดอาหารทั่วไปอาจเรียกว่า ‘บวช’ แต่ไม่ใช่ ‘นักบวช’ ยกตัวอย่างเทียบบัญญัติไตรยางศ์นะ ทำนองเดียวกับผู้ที่พอจะเทศนาสัจพจน์ทั่วไปได้แต่ไม่ถึงขั้นเป็นนักเทศน์ มุสลิมเราไตร่ตรองความหมายคำศัพท์ที่ซับซ้อนให้ดีๆ การบวชอิสลามขั้นสูงที่แท้จริงต้องสามารถ Tasawwuf กับ ‘Zuhd’ (บำเพ็ญตบะ-ละทิ้งสิ่งของนอกกาย) ขัดเกลาจิตใจพร้อม ‘Dhikr’ (รำลึกถึงพระเจ้า) และสามารถเข้าฌานบรรลุ ‘Haqiqat’ (ความรู้ที่ลึกลับจากประสบการณ์เชื่อมโยงจากพระเจ้า) แล้วก็บรรลุสัจธรรมขั้นสูงสุดที่เรียกว่า ‘Marifa’ ก็คือการเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงการมีอยู่ของพระเจ้า (‘Haqiqat al-Dhat’, ‘Dhat Allah’) และได้เข้าใกล้ชิดพระองค์ด้วยจิตวิญญาณ ถ้าสามารถบรรลุ Marifa ได้ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นนักบวชอิสลาม การเป็นนักบวชอิสลามก็คืออุลามาอฺโดยปริยาย บรรดาอุลามาอฺสากลมียศถาบรรดาศักดิ์ เช่น ‘Mir ul Urah’ คือยศศักดิ์อุลามาอฺ-ชั้นสูง คือคำว่า “Mir ul uRāh” นี้แปลเป็นนัยว่า “เจ้าชายศาสนา” – “เจ้าชายแห่งศาสนา” หรือก็คือ “เจ้าชายแห่งหนทางจิตวิญญาณ” มีต้นตอมาจากภาษาอารบิกผสมภาษาฟาร์ซี ดินแดนเปอร์เซียถือว่าเป็นแหล่งกำเนิดแนวทางซูฟีตอรีก็อต ย้ำว่า ซูฟียฺคือ ‘แนวทาง’ ไม่ใช่ ‘ลัทธิ’ ถึงแม้อุลามาอฺเราบางท่านจะถูกมองว่าเป็น ‘นักบวช’ ถ้าจะเปรียบกับศาสนาอื่น ก็ต้องแยกแยะประเด็นให้ออก คำว่าพระไว้เรียกนักบวชพุทธ ถ้าคริสต์ก็บาทหลวง ถ้าอิสลามส่วนมากเรียกว่า ‘มุลลอฮ์’ นักบวชอิสลามในภาษาอังกฤษคือ ‘Islamic cleric’ อิสลามมีนักบวชฐานะผู้นำจิตวิญญาณ ให้คำตัดสินข้อเท็จจริงต่างๆด้วยหลักกฎหมายอิสลาม มีหน้าที่มากกว่านักเทศน์ฯ ส่วนคนที่ไม่รู้ลึกถึงรากฐานในการบวชศาสน์อิสลาม หรือคนที่ไม่เข้าใจคำว่า ‘บวชอิสลาม’ บางคนอาจจะบอกว่าอิสลามไม่มีนักบวช ซึ่งคนเหล่านั้นมักจะพูดผิดเพราะไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของการบวชอิสลามที่แท้จริง” วาทะจากท่านมุลลอฮ์พี่โอ๊คลี่ได้ชี้นำจริงๆ อิสลามมีนักบวชซุนนีซูฟี แต่คนที่ไม่เข้าใจกลับบอกว่าไม่มี

59d5eed0 c7a7 440c b5da 5ca3301a7154

แขกรับเชิญพิเศษที่มาร่วมแสดงออกในภาพยนตร์สารคดีนี้ ก็มีเช่น “Oh Kansiri” (โอ้ กาญจน์ศิริ) ศิลปินเพลงไทยที่มีผลงานการแต่งเพลงดังประกอบซีรีส์ละคร “My Stand-In ตัวนาย ตัวแทน” ซึ่งเธอถูกเชิญมาร้องเพลงหลังเสร็จสิ้นพิธีสมรสของท่านอิสลามมิรฺซาซัยยิดพี่โอ๊ก ซึ่งมีช่างแต่งหน้าเจ้าสาวแบรนด์ “Asmah Makeup” ร่วมเป็นสักขีพยานงานแต่งจริง ระหว่างพี่โอ๊ค กับ ”ยัสมี ประนิติง” ศาสนพิธีนิกะห์จัดขึ้นค่อนข้างส่วนตัว บรรยากาศมูดและโทนสุขุมเยือกเย็น บางมุมดูคล้ายละคร แต่จริงๆไม่ใช่ละคร ส่วนเซเล็บอีกสองท่านที่มาร่วมถ่ายทำ ได้แก่ “Pawan Sethi” นักธุรกิจหนุ่มอินเดียซิกข์ และ “กันต์ ธนพัฒน์ แจ่มปรีชา” นักลงทุนชาวไทยที่ล่าสุดได้ออกรายการ “Take Me Out Thailand” และก็มีคุณพี่นักบุญคริสต์ “Chris Dinlaine” มาเป็นดาราร่วมเข้าฉากเล่นๆแกล้งกันคล้ายละคร เพื่อให้หนังดูสนุกเฮฮามากยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้คือสารคดีแต่ก็มีองค์ประกอบคอมเมดี้อยู่ไม่น้อย ท่านพี่โอ๊คได้กำชับไว้ว่าอารมณ์ของภาพที่ออกมาไม่ควรจะตึงเครียดเกินไปเพราะท่านผู้ชมอาจจะรู้สึกอึดอัด ดังนั้นบางเรื่องราวที่ถูกบันทึกความจริงกันสดๆก็เลยมีฉากตลกขำขันอยู่บ้างถึงแม้โดยรวมจะเน้นสาระและดูพิศวง ท่านซัยยิดพี่โอ๊ฅได้กล่าวทิ้งท้ายถึงภาพยนตร์สารคดีนี้ว่า “หนังเรื่องนี้เป็นมากกว่าภาพ มันคือความจริงส่วนใหญ่ที่เกี่ยวกับหลายๆวัฒนธรรม อย่ามองว่าหนังเรื่องนี้คือหนังอิสลามล้วน เราทำจากมุมมองอย่างเป็นกลางซึ่งมีผู้ที่มาร่วมถ่ายทอดความจริงกันหลายๆคนกับหลายๆศาสนา” ผู้ร่วมปรากฏตัวในหนังสารคดีนี้ยังมีอีกมากมาย เช่น Tonchabab Tao-Orn, Fuse Krittanat Faijantuek และ Kobori Jiratt Nahom เป็นต้น