เพาเวอร์บาย เดินหน้าสานต่อ “เก่าแลกใหม่ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” ปีที่ 3 ผนึกกำลังพันธมิตร จุฬาฯ และ WMS รีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืน

MAY PR 2025 05 08 105024

MAY PR 2025 05 08 105024

เพาเวอร์บาย ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการ “เก่าแลกใหม่ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” เป็นปีที่ 3 มุ่งสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยปีนี้ได้จับมือกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย (ศสอ.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท เวสต์ แมเนจเมนท์ สยาม จำกัด (WMS) เพื่อร่วมผลักดันการจัดเก็บและกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศอย่างรอบด้าน

MAY PR 2025 05 20 163946 2

นางสาวพัชราภรณ์ วรยิ่งยง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าและเทคโนโลยี เพาเวอร์บายมีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนแนวทาง Green Technology อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านโครงการ ‘เก่าแลกใหม่ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ ซึ่งเราดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืน พร้อมส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากผู้บริโภคและภาคธุรกิจในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว เพื่อตอบโจทย์การจัดการ E-Waste อย่างมีประสิทธิภาพในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว เพาเวอร์บายได้ร่วมมือกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเวสต์แมเนจเมนท์สยาม ในการรวบรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่ลูกค้านำมาร่วมโครงการ และนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น ซึ่งมีสารทำความเย็นที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จะได้รับการจัดการอย่างปลอดภัยภายใต้ “โครงการแซนด์บ็อกซ์ความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิต กรณีเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น” โดย ศสอ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญในการวิจัยและต่อยอดแนวทางการจัดการ E-Waste อย่างยั่งยืนต่อไป”

MAY PR 2025 05 20 163946 3

รศ. ดร.สุธา ขาวเธียร ผู้อำนวยการ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า “ในปี 2566 พบว่าประเทศไทยมีปริมาณขยะอันตรายกว่า 680,000 ตัน โดย 65% หรือประมาณ 442,000 ตันเป็นซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) ซึ่งได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธีเพียง 21% เท่านั้น ขยะเหล่านี้อาจก่อให้เกิดการปนเปื้อนในดิน น้ำ และอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะสารหล่อเย็นในแอร์และตู้เย็นที่ต้องได้รับการกำจัดอย่างเหมาะสม จึงได้ริเริ่มโครงการวิจัย “แซนด์บ็อกซ์ความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิต  กรณีเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น”  ขึ้น เพื่อทดสอบกลไกการจัดการซากผลิตภัณฑ์ตามหลักความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิต โดยความท้าทายหนึ่งคือการรวบรวมซากผลิตภัณฑ์ให้เข้าสู่การจัดการอย่างถูกต้อง โดยในปีนี้ได้รับความร่วมมือกับภาคธุรกิจอย่างเพาเวอร์บายถือเป็นก้าวสำคัญในการร่วมมือกันช่วยขับเคลื่อนระบบการจัดการ E-Waste อย่างยั่งยืนในประเทศไทย”

MAY PR 2025 05 08 101544

นอกจากนี้ ทีมผู้บริหารและทีมช่างเทคนิคจากเพาเวอร์บายยังได้เข้าศึกษาดูงานที่ เวสต์แมเนจเมนท์สยาม เรียนรู้กระบวนคัดแยก และรีไซเคิลซากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ถูกวิธี เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งจะถูกนำไปใช้พัฒนากระบวนการจัดการซากผลิตภัณฑ์ของเพาเวอร์บายในระยะยาว

MAY PR 2025 05 08 102057

โครงการ “เก่าแลกใหม่ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” เป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่สะท้อนเจตนารมณ์ของเพาเวอร์บายในการขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่ความยั่งยืน พร้อมสานต่อปรัชญา “CRC Care” ของเซ็นทรัล รีเทล ในมิติ Care for the Environment ที่มุ่งสร้างโลกสีเขียวอย่างยั่งยืน และตอกย้ำการเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกค้าส่งต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย

——————————————–

เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “เซ็นทรัล รีเทล”) เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก รวมทั้งธุรกิจค้าส่ง สินค้าหลากหลายประเภท ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-Format Multi-Category Omnichannel Retail และ Wholesale Platform) ในประเทศไทย ประเทศอิตาลี และประเทศเวียดนาม บริษัทฯ มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด 3,844 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568) อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร  ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฟู้ด มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค วัตถุดิบอาหาร รวมถึงสินค้าและบริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ  เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด ท็อปส์ เดลี่ ท็อปส์แคร์ และโก โฮลเซลล์ ในประเทศไทย ส่วนประเทศเวียดนาม ได้แก่ บิ๊กซี/ โก (GO!) ท็อปส์ มาร์เก็ต มินิ โก (go!) และ ลานชี มาร์ท (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์ มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ  ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (3) กลุ่มแฟชั่น มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ มุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่ สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 62 จังหวัด ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 43 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ