องค์กรมันสมองระดับโลกอย่างสถาบันดีคิว เปิดตัวมาตรฐานประเมินและรายงานผลลัพธ์ด้าน ESG ในภาคดิจิทัล เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล พร้อมส่งเสริมแนวทาง “เทคโนโลยีที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง” ในยุคปัญญาประดิษฐ์
สถาบันดีคิว (DQ Institute) องค์กรชื่อดังระดับโลกซึ่งอุทิศตนในการกำหนดมาตรฐานเทคโนโลยีดิจิทัลทั่วโลก มีความภาคภูมิใจในการประกาศเปิดตัวมาตรฐานประเมินและรายงานผลลัพธ์ด้าน ESG ในภาคดิจิทัล (Digital-ESG Assessment and Reporting Standards) ด้วยความร่วมมือกับองค์กรมันสมองชั้นนำในเกาหลีอย่างสถาบันแทแจ ฟิวเจอร์ คอนเซ็นซัส (Taejae Future Consensus Institute) โดยได้มีการจัดการประชุมหัวข้อ “ยุคดิจิทัล เส้นทางสู่ความยั่งยืน” (Digital Age, A Pathway to Sustainability) ขึ้นที่มูลนิธิการศึกษาขั้นสูงแห่งเกาหลี (The Korean Foundation of Advanced Studies) เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีบัน คีมูน (Ban Ki-moon) เลขาธิการสหประชาชาติคนที่ 8, อิรินา โบโควา (Irina Bokova) อดีตผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก (UNESCO), คิม ยงฮัก (Kim Yong-Hak) อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยยอนเซ และดร. ยูฮยอน ปาร์ค (Yuhyun Park) ผู้ก่อตั้งสถาบันดีคิว ร่วมเป็นสักขีพยาน
สถาบันดีคิวมีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความเสี่ยงทางดิจิทัลอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความปลอดภัยของเด็กในโลกออนไลน์ ข่าวปลอม การโจมตีทางไซเบอร์ การปลุกปั่น และการรุกรานความเป็นส่วนตัว เพื่อรับมือภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์ พร้อมจัดการกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลในคราวเดียวกัน ดังนั้น การนำมาตรฐานประเมินและรายงานผลลัพธ์ด้าน ESG ในภาคดิจิทัลมาใช้ จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการกำหนดวาระระดับโลกครั้งใหม่ แนวทางดังกล่าวมาพร้อมรายการตรวจสอบและกรอบการทำงานที่ครอบคลุม ให้บริษัทหรือชุมชนการลงทุนต่าง ๆ นำไปจัดการกับความเสี่ยงทางดิจิทัล ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริม “เทคโนโลยีที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง” ในยุคปัญญาประดิษฐ์
ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและการนำปัญญาประดิษฐ์ บิ๊กดาต้า การวิเคราะห์ และเทคโนโลยีเกิดใหม่อื่น ๆ มาใช้อย่างแพร่หลาย ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลครั้งใหญ่ของบริษัทในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงมากมายอันเป็นผลจากเทคโนโลยีดิจิทัล ในขณะที่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDG) และกรอบ ESG ที่มีอยู่นั้นมุ่งเน้นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศเป็นหลัก แต่ข้อกังวลในเรื่องดิจิทัลยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเพียงพอ ช่องโหว่นี้ทำให้ธุรกิจที่มีแนวโน้มสร้างผลกระทบด้านลบต่อสภาพแวดล้อมดิจิทัลหรือส่งผลกระทบด้านลบไปแล้ว หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบด้าน ESG ได้ โดยไม่ต้องเผชิญความเสี่ยงต่อพอร์ตการลงทุนหรือชื่อเสียงของตน การนำองค์ประกอบด้านดิจิทัลและ ESG มารวมไว้กับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ทำให้เกิดความสมดุลระหว่างการควบคุมศักยภาพของเทคโนโลยีดังกล่าวกับการปกป้องพลเมือง โลกดิจิทัลและโลกจริง และสังคมโลก
บัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติคนที่ 8 แสดงความคิดเห็นว่า “ภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการบรรลุความยั่งยืน และจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบในแง่สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) องค์ประกอบทางดิจิทัลจำเป็นต้องรวมอยู่ในหลักการ ESG ในขณะที่เราปรับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของเรา ขณะที่ทั่วโลกพยายามช่วงชิงอิทธิพลในด้านปัญญาประดิษฐ์ เราจำเป็นต้องขยายกรอบ ESG ที่มีอยู่เดิมให้ครอบคลุมแง่มุมต่าง ๆ ในกิจกรรมทางดิจิทัลของภาคธุรกิจ เช่น ความเสมอภาคทางดิจิทัล ทักษะดิจิทัล ความปลอดภัยและความมั่นคงดิจิทัล สิทธิดิจิทัล และอื่น ๆ”
สถาบันดีคิวตระหนักถึงความท้าทายเหล่านี้ จึงขอเน้นย้ำความเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาสำคัญต่าง ๆ เช่น ความคิดริเริ่มด้านเทคโนโลยีที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมผ่านเศรษฐกิจแบบข้าม การพัฒนาทุนมนุษย์ดิจิทัล ความเสมอภาคทางดิจิทัล ความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีทางดิจิทัลของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ความปลอดภัยของข้อมูลและความน่าเชื่อถือของระบบ สิทธิและจริยธรรมดิจิทัล รวมถึงการสื่อสารดิจิทัลและการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ดร. ยูฮยอน ปาร์ค ผู้ก่อตั้งสถาบันดีคิว กล่าวแสดงความกระตือรือร้นว่า “เรามีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในการเปิดตัวมาตรฐานประเมินและรายงานผลลัพธ์ด้าน ESG ในภาคดิจิทัล ที่งานอันทรงคุณค่าโดยมีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมมากมาย เรามีเป้าหมายเพื่อมอบเครื่องมือและคำแนะนำที่นำไปปฏิบัติได้จริงแก่ผู้นำอุตสาหกรรม ซึ่งจะเข้ามาช่วยบริษัทต่าง ๆ ที่พยายามนำปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ องค์ประกอบด้านดิจิทัลและ ESG ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้อย่างโปร่งใส มีความรับผิดชอบ และมีมาตรฐานทางจริยธรรม องค์ประกอบด้านดิจิทัลและ ESG ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ เพิ่มศักยภาพและทรัพยากรได้สูงสุด ในขณะเดียวกันก็ลดอันตรายและอิทธิพลครอบงำให้เหลือน้อยที่สุด”
นอกจากนี้ สถาบันดีคิวยังได้จัดตั้งคณะทำงานด้านการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล (Taskforce on Digital-related Financial Disclosure หรือ TDFD) ขึ้น ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มที่มีสมาชิกเป็นองค์กรและบุคคลจากภาคส่วน สถาบันการศึกษา สถาบันการเงิน บริษัท และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อสนับสนุนองค์กรในการนำเป้าหมายด้านดิจิทัลและ ESG ไปใช้ บูรณาการ และรายงาน ซึ่งนอกเหนือไปจากกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง และเป็นรากฐานสำหรับรูปแบบธุรกิจ การดำเนินงาน และการจัดการที่ขับเคลื่อนด้วยวัตถุประสงค์ ซึ่งช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สร้างประโยชน์ให้กับสังคม ในขณะที่เพิ่มผลกำไรสูงสุดโดยอาศัยกิจกรรมทางดิจิทัลได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคณะทำงานด้านการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล และมาตรฐานประเมินและรายงานผลลัพธ์ด้าน ESG ในภาคดิจิทัล ได้ที่ https://tdfd-global.org
สถาบันดีคิว
สถาบันดีคิว (DQ Institute หรือ DQI) เป็นองค์กรมันสมองระดับนานาชาติ โดยอุทิศตนเพื่อกำหนดมาตรฐานระดับโลกในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และรับรองความปลอดภัย การสนับสนุน และความเป็นอยู่ที่ดีให้กับบุคคล องค์กร และประเทศต่าง ๆ ในยุคดิจิทัล โดยได้วางกรอบดีคิวซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐานระดับโลกในการประเมินความรู้ ทักษะ และความพร้อมด้านดิจิทัล (IEEE 3527.1TM) ทั้งนี้ สถาบันดีคิวเป็นองค์กรตามมาตรา 501(c)(3) ในสหรัฐอเมริกา และเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในสิงคโปร์
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.dqinstitute.org
รูปภาพ – https://mma.prnewswire.com/media/2159742/DQ_Institute_1.jpg
รูปภาพ – https://mma.prnewswire.com/media/2159743/DQ_Institute_2.jpg
ติดต่อ
เอริส เซียห์ (Eris Seah)
อีเมล: eris@dqinstitute.org
โทร: +65 9818 7704