บริษัท คาริเฟล็กซ์ จำกัด ( Cariflex Pte. Ltd.) หรือ “คาริเฟล็กซ์” ผู้นำโลกด้านน้ำยางพอลิไอโซพรีนสำหรับตลาดการแพทย์ปลายทาง ประกาศเริ่มต้นโครงการบนที่ดินขนาด 6.1 เฮกตาร์ในเกาะจูร่ง ประเทศสิงคโปร์ โดยคาริเฟล็กซ์เตรียมสร้างโรงงานผลิตน้ำยางพอลิไอโซพรีนแห่งแรกของสิงคโปร์และใหญ่ที่สุดในโลกในพื้นที่แห่งนี้ การลงทุนครั้งนี้ได้รับแรงขับเคลื่อนจากความมุ่งมั่นอันแรงกล้าในการยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าภาคผลิตภัณฑ์การแพทย์และผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคทั่วโลก ทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่คาริเฟล็กซ์เคยมีมา
คาริเฟล็กซ์ได้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปสิงคโปร์เมื่อปี 2563 ในฐานะบริษัทในเครือดีแอล เคมิคอล (DL Chemical) โดยดีแอล เคมิคอล เป็นบริษัทปิโตรเคมีระดับโลก และเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มบริษัทผู้พัฒนาระดับโลกและบริษัทก่อสร้างแห่งแรกของเกาหลีที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2482 อย่างดีแอล กรุ๊ป (DL Group) ซึ่งเมื่อปี 2564 มีรายได้อยู่ที่ 12.3 ล้านล้านวอน หรือราว 1.08 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ดีแอล โฮลดิงส์ (DL Holdings) ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของดีแอล อีแอนด์ซี (DL E&C) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่มีความเชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรมโยธาและการก่อสร้าง ทั้งยังเป็นคู่สัญญาที่เป็นผู้ดำเนินการโครงการนี้ในสิงคโปร์
คุณจง-ฮยอน คิม (Jong-Hyun Kim) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทดีแอล เคมิคอล กล่าวว่า “โรงงานที่สิงคโปร์นี้จะสร้างขึ้นโดยแบ่งออกเป็นสองเฟส เงินลงทุนทั้งหมดที่ใช้ในเฟสแรกและการลงทุนล่วงหน้าเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเฟสสองนั้นมีมูลค่ารวมกันกว่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การลงทุนล่วงหน้าสำหรับเฟสสองจะช่วยให้มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดต่อไป นอกจากนี้ ยังจะส่งเสริมบทบาทของคาริเฟล็กซ์ ในฐานะซัพพลายเออร์น้ำยางพอลิไอโซพรีนอันดับหนึ่งที่เหนือชั้นกว่าทั้งในเรื่องคุณภาพและความหลากหลายของแหล่งซัพพลาย”
น้ำยางพอลิไอโซพรีนของคาริเฟล็กซ์ (Cariflex(TM) IR Latex) เป็นพอลิเมอร์เลเท็กซ์สังเคราะห์แบบน้ำ เหมาะกับการนำไปใช้งานที่มีมูลค่าสูงมากมาย เช่น โดยถุงมือผ่าตัดและถุงยางอนามัยนับเป็นตลาดปลายทางหลักที่นำ Cariflex(TM) IR Latex ไปใช้งาน เพราะมีคุณประโยชน์ที่ไม่เหมือนใครในการนำไปใช้แทนน้ำยางธรรมชาติ
โรงงานที่สิงคโปร์แห่งนี้จะมีบทบาทสำคัญต่อความยืดหยุ่นในซัพพลายการผลิตของคาริเฟล็กซ์ ในการให้บริการลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานผลิตถุงมือผ่าตัดและถุงยางอนามัยแห่งสำคัญของโลก
ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา คาริเฟล็กซ์ได้เร่งยกระดับ ทะลวงจุดติดขัด และเพิ่มขีดความสามารถในโรงงานผลิตที่บริษัทมีอยู่เดิมในบราซิลและญี่ปุ่น เพื่อตอบรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากลูกค้าและตลาด คาริเฟล็กซ์ประสบความสำเร็จในการขยายขีดความสามารถครั้งล่าสุดเมื่อปี 2564 โดยเพิ่มกำลังการผลิตน้ำยางพอลิไอโซพรีนขึ้นเป็นเท่าตัวที่โรงงานเปาลิเนีย ประเทศบราซิล ด้วยเงินลงทุน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
คุณพราคาช โคลลูรี (Prakash Kolluri) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทคาริเฟล็กซ์ กล่าวว่า “เราวางกลยุทธ์เลือกทำเลสร้างโรงงานผลิตอันล้ำหน้าแห่งใหม่ในสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ไม่ห่างลูกค้าคนสำคัญของเรา เราไม่ได้เลือกสิงคโปร์เพราะสิงคโปร์มีศักยภาพในการส่งเสริมศูนย์กลางทางการเงินที่เจริญรุ่งเรืองเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะสิงคโปร์มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาศูนย์กลางด้านนวัตกรรม การค้า และโลจิสติกส์ด้วย สิงคโปร์มีแรงงานที่มีการศึกษาสูงและมีทักษะดี ทั้งยังคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และการเมืองนิ่ง นอกจากนี้ ระบบนิเวศบนเกาะจูร่งซึ่งเพียบพร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐานและบริการ เช่นเดียวกับการสนับสนุนจากคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์และหน่วยงานรัฐแห่งอื่น ๆ ทำให้เรามั่นใจในการตัดสินใจลงทุนในสิงคโปร์”
โรงงานแห่งใหม่นี้คาดว่าจะดำเนินการได้ในครึ่งหลังของปี 2567 และจะสร้างงานถาวรได้อย่างน้อย 70 ตำแหน่งในเฟสแรกของโครงการ ไม่ว่าจะเป็นงานสายวิศวกรรม การผลิต คุณภาพ ซัพพลายเชน และงานสนับสนุนการผลิตส่วนอื่น ๆ ซึ่งในช่วงที่คึกคักที่สุดนั้น คาริเฟล็กซ์คาดว่าจะมีคนงานในไซต์กว่า 1,500 คน
คุณโคลลูรี กล่าวเสริมว่า “โรงงานที่สิงคโปร์คาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำยางพอลิไอโซพรีนของเราได้กว่า 50% โครงการนี้ช่วยรักษาบทบาทของเราในฐานะผู้นำตลาดน้ำยางพอลิไอโซพรีนเมื่อประเมินจากกำลังการผลิตรวม จำนวนโรงงาน และสายการผลิต เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพดีที่สุดอย่างสม่ำเสมอ สิ่งนี้ทำให้ลูกค้าของเราเชื่อมั่นได้เต็มร้อย ในการนำ Cariflex(TM) IR Latex ไปใช้ในการผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน”
การลงทุนและขยายธุรกิจเข้าสิงคโปร์ของคาริเฟล็กซ์ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ (EDB) ของสิงคโปร์ และเจทีซี (JTC) ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระตามกฎหมายในสังกัดกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์
“การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เข้ามาขับเน้นความสำคัญของความยืดหยุ่นในซัพพลายเชน เราจึงยินดีที่คาริเฟล็กซ์เลือกสิงคโปร์เป็นที่ตั้งโรงงานผลิตน้ำยางพอลิไอโซพรีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะผลิตวัสดุคุณภาพสูงป้อนให้ทั่วภูมิภาค เพื่อนำไปผลิตถุงมือผ่าตัดที่วางจำหน่ายทั่วโลก ความเคลื่อนไหวนี้ตอกย้ำคุณค่าของสิงคโปร์ในฐานะแหล่งซัพพลายเชนที่ยืดหยุ่นและมีบทบาทสำคัญ เพื่อให้บริการตลาดบริการสุขภาพและสุขอนามัยในเอเชีย” คุณตัน กง ฮวี (Tan Kong Hwee) รองประธานบริหารประจำคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์ กล่าว “กิจกรรมของทางบริษัทจะช่วยสนับสนุนจุดมุ่งหมายของเรา ในการส่งเสริมภาคส่วนเคมีภัณฑ์เฉพาะทางระดับปลายน้ำมูลค่าสูงให้เติบโตต่อไปในสิงคโปร์ และเราหวังที่จะได้เห็นตำแหน่งงานดี ๆ ที่โครงการนี้จะสร้างขึ้น”
คุณอัลวิน ตัน (Alvin Tan) ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารผู้ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์อุตสาหกรรมของเจทีซี กล่าวว่า “การที่คาริเฟล็กซ์ตัดสินใจเลือกสร้างโรงงานผลิตน้ำยางพอลิไอโซพรีนที่ใหญ่ที่สุดในโลกบนเกาะจูร่ง เป็นเครื่องพิสูจน์ความน่าดึงดูดของโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศแบบบูรณาการอันเพียบพร้อมบนเกาะแห่งนี้ ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทต่าง ๆ มุ่งลงทุนกับสิ่งก่อสร้างแกนหลักได้ ในขณะเดียวกันก็ใช้ประโยชน์จากระบบสาธารณูปโภคและบริการส่วนกลางได้ด้วย”
รูปภาพ – https://mma.prnewswire.com/media/1866381/Cariflex_PRN_Photo.jpg
คำบรรยายภาพ – ในการขยายขีดความสามารถครั้งล่าสุด คาริเฟล็กซ์ได้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำยางพอลิไอโซพรีนขึ้นเป็นเท่าตัวที่โรงงานในเมืองเปาลิเนีย ประเทศบราซิล ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นในปี 2564
(เครดิตภาพ: บริษัท คาริเฟล็กซ์ จำกัด)