Lazada

“ออโตโมบิลี ปินินฟารินา” เปิดตัวซาวด์คอนเซปต์ใหม่ “ซัวโน ปูโร”

– ออโตโมบิลี ปินินฟารินา เผยเบื้องหลังในการสร้าง ‘เสียงของความหรูหราอย่างยั่งยืน’ มอบอัตลักษณ์ใหม่ให้กับรถยนต์ไฮเปอร์ จีที พลังงานไฟฟ้า 100% อย่างแบตติสตา

– สร้างสรรค์ขึ้นโดยใช้วิศวกรรมเสียงขั้นสูง บวกกับ ‘เสียง’ ของระบบส่งกำลังไฟฟ้า 100% อันยอดเยี่ยมของรถรุ่นนี้ ทำให้รถแบตติสตาให้เสียงอยู่ที่ 54 เฮิรตซ์ ซึ่งเป็นความถี่ที่คาดว่าจะส่งผลดีต่อความสะดวกสบายและสุขภาวะที่ดีของผู้ขับขี่

– เปาโล เดลลาชา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์และวิศวกรรมของออโตโมบิลี ปินินฟารินา กล่าวว่า “ดีไซเนอร์และวิศวกรเสียงของเราได้รังสรรค์ประสบการณ์เสียงอันเป็นแบบฉบับของรถยนต์ไฟฟ้าให้ลูกค้าของเรา เสียงของรถแบตติสตานั้นทำให้รู้สึกตื่นเต้นและให้ความสมจริงกับทุกคนที่สัมผัสกับยานยนต์รุ่นนี้”

– รับชมวิดีโอบอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังการสร้างสรรค์เสียงของแบตติสตาและความถี่ของเสียงได้ที่ youtu.be/E5etYYeFnik

ออโตโมบิลี ปินินฟารินา (Automobili Pininfarina) เปิดตัวซาวด์คอนเซปต์ใหม่อย่าง “ซัวโน ปูโร” (SUONO PURO) ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นสำหรับรถยนต์ไฮเปอร์ จีที พลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกของโลก โดยแบรนด์อิตาลีรายนี้ยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อเป็นผู้บุกเบิกการสร้างความหรูหราแบบใหม่ที่มีความยั่งยืน

การสร้างสรรค์ประสบการณ์เสียงที่ไม่เหมือนใครนั้นมาพร้อมกับปัญหาท้าทายมากมาย เพราะต้องนำเสนอประสบการณ์การเป็นเจ้าของและการขับขี่ด้วยความหรูหราขั้นสุดอย่างที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมการออกแบบที่ส่งต่อมาอย่างยาวนานและความยั่งยืนด้วย แล้วเสียงอันแสนไพเราะและทรงพลังนั้นเป็นอย่างไรในโลกแห่งระบบไฟฟ้า ผลงานการออกแบบอันเป็นเลิศและแบรนด์ออโตโมบิลี ปินินฟารินา ควรมีเสียงอย่างไร แล้วเราจะสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์อย่างเป็นธรรมชาติระหว่างผู้ขับ รถยนต์ และประสบการณ์ขับขี่ได้อย่างไรกัน

ออโตโมบิลี ปินินฟารินา ได้รังสรรค์ความรู้สึกทางโสตประสาทขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เพื่อสะท้อนความบริสุทธิ์ของการออกแบบรถแบตติสตา (Battista) และทำให้ออโตโมบิลี ปินินฟารินา มีเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกดีไปด้วย โดยเหล่าดีไซเนอร์และวิศวกรระบบรถยนต์และเสียงได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ ทั้งยังทุ่มเวลากว่า 2,000 ชั่วโมงในการแต่ง พัฒนา และปรับจูน จนได้เสียงที่สะท้อนถึงประสบการณ์แบรนด์อันโดดเด่นในความถี่และโทนต่าง ๆ

คุณเปาโล เดลลาชา (Paolo Dellach?) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์และวิศวกรรมของออโตโมบิลี ปินินฟารินา กล่าวว่า “ดีไซเนอร์และวิศวกรเสียงของเราได้รังสรรค์ประสบการณ์เสียงอันเป็นแบบฉบับของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมอบความพิเศษและความสมจริงให้กับผู้ที่มีโอกาสสัมผัสกับยานยนต์ของเรา โดยเป็นซิกเนเจอร์ของรถแบตติสตาและแบรนด์ออโตโมบิลี ปินินฟารินา เพราะทั้งโดดเด่น ชัดเจน และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่แพ้การออกแบบ”

ซัวโน ปูโร สะท้อนให้เห็นดีเอ็นเอในการออกแบบของออโตโมบิลี ปินินฟารินา อย่างชัดเจน โดยนำคุณลักษณะส่งเสริมสุขภาวะของความถี่ 432 เฮิรตซ์มาพิจารณาด้วย ซึ่งให้ทั้งความอบอุ่นและยกระดับจิตใจ เฉกเช่นความรู้สึกดี ๆ ที่ได้จากขันทิเบต ขณะที่นักประพันธ์ดนตรีคลาสสิกอย่างโมสาร์ทและแวร์ดีก็เคยนำไปใช้ด้วย

เมื่ออยู่ในรอบเดินเบา รถแบตติสตาจะมีความถี่ของเสียงอยู่ที่ 54 เฮิรตซ์ (ลดลง 3 ออกเทฟจาก 432 เฮิรตซ์) ซึ่งเป็นเบสโน๊ตที่ทั้งบริสุทธิ์และก้องกังวานไม่เหมือนใคร ความบริสุทธิ์ของความถี่นี้มองเห็นได้จากแรงกระเพื่อมบนน้ำ ซึ่งกระเพื่อมได้อย่างงดงามและเป็นสมมาตร และสำหรับร่างกายมนุษย์ซึ่งมีน้ำเป็นส่วนประกอบราว 70% นั้น ความถี่นี้คาดว่าจะช่วยส่งเสริมสุขภาวะที่ดี โดยลูกค้าจะสัมผัสกับสิ่งนี้ได้ในรถแบตติสตาของพวกเขาเอง ซิ่งจะเริ่มส่งมอบทั่วโลกในปีนี้

บทสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญเบื้องหลังคอนเซปต์ซัวโน ปูโร ของรถแบตติสตา

ออโตโมบิลี ปินินฟารินา ทำงานอย่างใกล้ชิดกับซาวด์ดีไซเนอร์อย่างโนโว โซนิก (Novo Sonic) เพื่อสร้างสรรค์เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์และรถแบตติสตา โดยคุณแกร์รี เลน (Garry Lane) วิศวกรผู้จัดการเรื่องระดับเสียง ความสั่นสะเทือน และความกระด้าง (NVH) และเสียงจากฝั่งของออโตโมบิลี ปินินฟารินา และคุณทอม ฮูเบอร์ (Tom Huber) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของโนโว โซนิก ได้ผนึกกำลังกันจนทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นจริง พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีจำนวนไม่มากแต่ล้วนเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและความหลงใหล โดยพวกเขากล่าวอธิบายโปรเจกต์ไว้ดังนี้

ตอนแรกบรีฟไว้ว่าอะไรบ้าง คุณอยากให้คนที่ได้ยินเสียงของรถแบตติสตารู้ยังอย่างไรบ้าง

แกร์รี เลน : เรากำลังนำรถไฮเปอร์ จีที ที่มีความโดดเด่นมาโชว์ตัวในโลกรถหรู โดยเป็นการนำรถยนต์ระบบไฟฟ้ามานำเสนอใหม่อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน รวมถึงเรื่องเสียงด้วย คอนเซปต์ซัวโน ปูโร จำเป็นต้องทำให้เห็นแก่นแท้และสะท้อนตัวตนของแบรนด์ได้ เราจึงปล่อยให้มอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลังทั้ง 4 ตัวเปล่งเสียงออกมาเอง บวกเข้ากับประสบการณ์เสียงสุดพิเศษ เพื่อส่งเสริมสุขภาวะอันดีของผู้ขับขี่

ทอม ฮูเบอร์ : เราอยากสร้างประสบการณ์เสียงที่เป็นธรรมชาติ และนี่ก็เป็นผลจากการใช้ความถี่ โดยความถี่ 440 เฮิรตซ์ได้เป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมดนตรีอเมริกันในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 เพื่อใช้เป็นโทนอ้างอิงในการปรับจูนสำหรับเครื่องดนตรีและวงออเคสตรา ทำให้ทั่วโลกปรับเสียงดนตรีตามสิ่งนี้ อย่างไรก็ดี ความถี่ 432 เฮิรตซ์เป็นความถี่ที่ใช้ในการปรับเสียงในโลกดนตรีคลาสสิก รวมถึงนักประพันธ์ชื่อดังอย่างแวร์ดี ซึ่งถ้าหากลองฟังวงออเคสตราบรรเลงเพลงโดยปรับจูนตามต้นแบบแล้ว หลาย ๆ คนน่าจะได้ยินความแตกต่างชัดเจนในแง่ของความอบอุ่นและความน่าประทับใจ