คิวเอส ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก ประจำปี 2567

คิวเอส ควัคควาเรลลี ซีมอนด์ส (QS Quacquarelli Symonds) สถาบันวิเคราะห์ข้อมูลด้านการอุดมศึกษาระดับโลก ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก (QS World University Rankings) ครั้งที่ 20 ประจำปี 2567 ซึ่งประกอบด้วยมหาวิทยาลัย 1,500 แห่ง ใน 104 สถานที่ทั่วโลก โดยถือเป็นการจัดอันดับมหาวิทยาลัยเพียงหนึ่งเดียวที่มุ่งเน้นในส่วนของความสามารถในการทำงาน (Employability) และความยั่งยืน (Sustainability)
ผลการจัดอันดับมาจากการวิเคราะห์เอกสารทางวิชาการ 17.5 ล้านฉบับ รวมถึงความคิดเห็นของคณาจารย์และนายจ้างกว่า 240,000 คน ซึ่งผลปรากฏว่า สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) ยังครองอันดับหนึ่งอย่างเหนียวแน่นเป็นปีที่ 12 ตามมาด้วยมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) ที่ยังรั้งอันดับ 2 และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford) ที่ไต่ขึ้นมาหนึ่งขั้นอยู่ที่อันดับ 3
ในปีนี้ คิวเอสได้ปรับปรุงวิธีการจัดอันดับครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยการนำสามตัวชี้วัดใหม่มาใช้ ได้แก่ ความยั่งยืน (Sustainability) ผลลัพธ์ด้านการจ้างงาน (Employment Outcomes) และเครือข่ายการวิจัยระดับนานาชาติ (International Research Network)
“การปรึกษาหารือในเชิงลึกเกี่ยวกับการอุดมศึกษาทั่วโลก ทำให้การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกของคิวเอสให้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับลำดับความสำคัญของกลุ่มเจนแซด (Gen Z) และอัลฟา (Alpha) มากขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่สิ่งสำคัญอย่างแท้จริงสำหรับนักศึกษาที่ใส่ใจสังคมมากขึ้นในโลกที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว” คุณเบน โซวเทอร์ (Ben Sowter) รองประธานอาวุโสของคิวเอส กล่าว
ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกของคิวเอส ประจำปี 2567: 20 อันดับแรก
2567 2566
1 1 สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) สหรัฐอเมริกา
2 2 มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ( University of Cambridge) สหราชอาณาจักร
3 4 มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ( University of Oxford) สหราชอาณาจักร
4 5 มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ( Harvard University) สหรัฐอเมริกา
5 3 มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ( Stanford University) สหรัฐอเมริกา
6  6= อิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน ( Imperial College London) สหราชอาณาจักร
7 9 สถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสในซูริก ( ETH Zurich) สวิตเซอร์แลนด์
8 11 มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ( National University of Singapore) สิงคโปร์
9 8 มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน ( UCL) สหราชอาณาจักร
10 27 มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ( University of California, Berkeley) สหรัฐอเมริกา
11 10 มหาวิทยาลัยชิคาโก ( University of Chicago) สหรัฐอเมริกา
12 20 มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ( Cornell University) สหรัฐอเมริกา
13 13 มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ( UPenn) สหรัฐอเมริกา
14 33 มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ( The University of Melbourne) ออสเตรเลีย
=15 6= สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย ( Caltech) สหรัฐอเมริกา
=15 18 มหาวิทยาลัยเยล ( Yale University) สหรัฐอเมริกา
=17 12 มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ( Peking University) จีน
=17  16= มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ( Princeton University) สหรัฐอเมริกา
=19 45 มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ( The University of New South Wales) ออสเตรเลีย
=19 41 มหาวิทยาลัยซิดนีย์ ( The University of Sydney) ออสเตรเลีย
© คิวเอส ควัคควาเรลลี ซีมอนด์ส 2547-2566 www.TopUniversities.com
 
สรุปข้อมูลที่น่าสนใจ
มหาวิทยาลัย 75% ในแอฟริกาทำผลงานดีขึ้น และมี 9 แห่งเข้ามาติดอันดับเป็นครั้งแรก
มหาวิทยาลัยในอาหรับยังคงมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น
มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) เข้ามาติด 10 อันดับแรกได้สำเร็จ โดยรั้งอันดับ 8 และครองตำแหน่งมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย ส่วนมหาวิทยาลัยในเกาหลีใต้และญี่ปุ่นยังคงแข็งแกร่ง แต่น้อยกว่า ขณะที่มหาวิทยาลัยในประเทศไทยและอินโดนีเซียเริ่มไต่อันดับขึ้นมา
มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียทำผลงานโดดเด่นในระดับโลก โดยเข้ามาติด 20 อันดับแรกรวม 3 แห่ง
แคนาดาได้มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศแห่งใหม่ นั่นคือ มหาวิทยาลัยโทรอนโต (University of Toronto)
มหาวิทยาลัยในจีนทำผลงานดีขึ้นมากที่สุดในด้านผลกระทบของงานวิจัย โดยมหาวิทยาลัย 79% มีการอ้างอิงผลงานทางวิชาการ (Citations per Faculty) เพิ่มมากขึ้น 
สถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสในซูริก (ETH Zurich) ครองตำแหน่งมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในยุโรปเป็นปีที่ 16 ติดต่อกัน
มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศสทำผลงานโดดเด่น โดยมหาวิทยาลัยพีเอสแอล (Université PSL) เข้ามาติด 25 อันดับแรก ในอันดับที่ 24
อินเดียได้มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศแห่งใหม่ นั่นคือ สถาบันเทคโนโลยีอินเดียบอมเบย์ (IIT Bombay) ซึ่งติด 150 อันดับแรกของโลก
มหาวิทยาลัยเซาเปาโล (Universidade de Sao Paulo) รั้งอันดับ 85 และครองตำแหน่งมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในลาตินอเมริกา
มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรทำผลงานโดดเด่นในส่วนของความร่วมมือด้านการวิจัยข้ามพรมแดน โดยมหาวิทยาลัย 72 แห่ง จาก 90 แห่ง ทำผลงานดีขึ้น
มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (UC Berkeley) ในสหรัฐอเมริกา เข้ามาติด 10 อันดับแรก และเป็นอันดับหนึ่งของโลกในด้านความยั่งยืน
โลโก้ – https://mma.prnewswire.com/media/2142268/QS_Quacquarelli_Symonds_Logo.jpg